มหาเศรษฐีสื่อระดับโลก "บลูมเบิร์ก" ลงชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศล้ม "ทรัมป์"
มหาเศรษฐีสื่อระดับโลก "ไมเคิล บลูมเบิร์ก" ประกาศตัวลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชี้ต้องการล้ม "ทรัมป์" เพื่อสร้างอเมริกาขึ้นมาใหม่
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานข่าวว่า นายไมเคิล บลูมเบิร์ก (Michael Bloomberg) อดีตนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก และยังเป็นผู้ก่อตั้งสำนักข่าวบลูมเบิร์ก สำนักข่าวด้านเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของโลก ประกาศตัวจะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาที่จะเลือกตั้งในปี 2020 พร้อมจะจะชูนโยบายด้านเศรษฐกิจที่ช่ำชองเพื่อโค่นล้ม นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบันที่จะลงชิงชัยด้วยเช่นกัน
บลูมเบิร์ก ในวัย 77 ปี เรียกทรัมป์ว่า "เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ และต่อค่านิยมของคนอเมริกัน" พร้อมกันนี้ ยังระบุด้วยว่าเขาต้องการโค่นล้มทรัมป์ให้ได้ และพร้อมจะสร้างอเมริกาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
"เราไม่สามารถจ่ายเงินให้กับทรัมป์เพื่อทำงานต่อไปอีก 4 ปี และเป็นการทำงานที่ประมาทเลินเล่อ และผิดจรรยาบรรณอีกด้วย" บลูมเบิร์กประกาศในแคมเปญล่าสุดของตัวเองที่จะลงชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ และระบุด้วยว่า หากทรัมป์ชนะและได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อไปอีกสมัย จะทำให้สำนักงาน และบริษัทองค์กรธุรกิจอีกหลายแห่งไม่อาจฟื้นคืนจากปัญหาเศรษฐกิจที่เผชิญอยู่ได้
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ซึ่งเป็นของนายบลูมเบิร์กเอง รายงานด้วยว่า ในปี 2561 นายบลูมเบิร์ก ได้บริจาคเงินไปมากกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 3,000 ล้านบาท กับพรรคเดโมแครตเพื่อทำงานในสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ และมาถึงขณะนี้เขาเองก็หวังว่าพรรคจะมีแผนสนับสนุนเขาสำหรับแคมเปญลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วยเหมือนกัน
และมีรายงานอีกว่า นายบลูมเบิร์กยังพร้อมจะทุ่มเงินอีก 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 3,000 ล้านบาท เพื่อใช้ต่อสู้ทางแคมเปญโฆษณากับทรัมป์ในรัฐต่างๆ และยังประกาศมีแผนจะใช้เงินอีกราว 20 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ หรือประมาณ 600 ล้านบาท เพื่อลงทะเบียนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในรัฐที่มีการแข่งขันทางการเมืองของสหรัฐฯ อีกด้วย
นอกจากนี้ กับสถานการณ์ล่าสุดของพรรคเดโมแครต ที่แม้ว่านายบลูมเบิร์กจะบริจาคเงินเข้าพรรคไปจำนวนมหาศาล แต่ก็ยังพบว่ากระแสการสู้กับทรัมป์ที่อยู่พรรครีพับลิกันไม่ได้ดีขึ้น นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้นายบลูมเบิร์กจะต้องออกโรงเองเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายในสหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตว่านี่จะเป็นสมรภูมิทางการเมืองของมหาเศรษฐีที่ช่วงชิงอำนาจระหว่างกัน แต่สำหรับนายบลูมเบิร์กที่ประกาศตัวชัดเจน ก็สร้างความตกตะลึงให้กับคนอเมริกันไม่น้อย และส่วนใหญ่อยากเห็นการรณรงค์หาเสียงของเขากันแล้วเช่นกัน