ถอดรหัสความสุขในงาน Citizen of Love by Siam Piwat ต้นแบบองค์กรของการสร้างคุณค่าร่วมกันสู่ความยั่งยืน

ถอดรหัสความสุขในงาน Citizen of Love by Siam Piwat ต้นแบบองค์กรของการสร้างคุณค่าร่วมกันสู่ความยั่งยืน

ถอดรหัสความสุขในงาน Citizen of Love by Siam Piwat ต้นแบบองค์กรของการสร้างคุณค่าร่วมกันสู่ความยั่งยืน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Citizen of Love by Siam Piwat ถือเป็นกิจกรรมที่จัดต่อเนื่องกันมา ภายใต้ปณิธานที่อยากจะเป็นส่วนหนึ่งของการสืบสานและแบ่งปันความรัก มอบโอกาส ความเท่าเทียมและความสุขให้กับทุกคนอย่างทั่วถึง ซึ่งในปีนี้จะเป็นการมอบกระเป๋าเป้ Citizen of Love พร้อมอุปกรณ์การเรียน จำนวน 26,500 ชุด ให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนจาก 218 โรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อเป็นกำลังใจและก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการศึกษาอย่างมีความสุข เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2563

Citizen of Love by Siam Piwat

การให้ในครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถร่วมให้ไปด้วยกันได้ โดยการบริจาคซื้อชุดของขวัญนี้ในราคาชุดละ 200 บาท หรือบริจาคตามกำลังศรัทธา หรือช้อปครบ 500 บาทในสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และไอคอนสยาม นำใบเสร็จมาลงทะเบียน ณ จุดรับบริจาค ตั้งแต่วันนี้ถึง 5 มกราคม 2563

จุดรับบริจาคมีดังต่อไปนี้
- ชั้น M สยามเซ็นเตอร์ (ทางเชื่อมลานพาร์ค พารากอน)
- ชั้น 1 สยามดิสคัฟเวอรี่ (สะพานทางเชื่อม)
- ชั้น 3 สยามพารากอน (หน้าร้าน The Cloud : SANSIRI X THE COFFEE CLUB)
- ชั้น M ไอคอนสยาม (หน้าร้าน H&M)

นอกเหนือจากการส่งต่อรอยยิ้มและความสุข สยามพิวรรธน์ ยังขอประกาศวิสัยทัศน์ครั้งใหญ่กับการมุ่งมั่นเป็นองค์กรที่สร้างคุณค่าร่วมกับชุมชนเพื่อต่อยอดสู่ความยั่งยืน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 มิติ คือ มิติผู้คน มิติชุมชนสังคม และมิติสิ่งแวดล้อม

“เราต้องการให้สยามพิวรรธน์เป็นองค์กรที่สร้างคุณค่าต่อผู้คน ชุมชนสังคมและประเทศชาติ เราไม่ได้ทำกิจกรรมเพื่อสังคมเป็นครั้งคราว แต่ปลูกฝังการสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่ผู้อื่นในวงกว้าง และเข้าไปอยู่ในการดำเนินธุรกิจทุกๆวันของเรา เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ 

มิติเรื่องผู้คน

หากแยกย่อยให้เห็นภาพชัดขึ้น “มิติเรื่องผู้คน” ที่ถูกนิยามไว้ว่าเป็นการให้โอกาส ความเท่าเทียมกับคนทุกกลุ่ม สนับสนุนให้ประสบความสำเร็จได้มากยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่าในสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และไอคอนสยาม ต่างสนับสนุนไทยดีไซเนอร์ในทุกแง่มุม รวมไปถึงการลงมือคัดเลือกสินค้าจากโครงการ DEMark, Talent Thai และอื่นๆ เพื่อสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของคนไทยให้ประสบความสำเร็จ หรือที่เห็นได้ชัดคือใน “ไอคอนสยาม” กับการสร้างพื้นที่สุขสยามขึ้นบริเวณชั้น G เพื่อสร้างระบบนิเวศน์ทางการค้าที่จะช่วยส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำแบบครบทั้ง 77 จังหวัด รวมไปถึงการสร้างพื้นที่ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4 และ ชั้น 5 เพื่อเปิดโอกาสให้ช่างฝีมือไทย ดีไซเนอร์ และผู้ประกอบการ SME เข้ามาค้าขายบนพื้นที่กว่า 2,500 ตารางเมตร

มิติชุมชนและสังคม

ส่วนของ “มิติชุมชนและสังคม” เป็นเรื่องของการสร้างความเจริญและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชนโดยรอบโครงการ ดังที่จะเห็นได้ว่าสยามพิวรรธน์มีการลงทุนออกแบบก่อสร้างอาคารที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก พื้นที่ใช้งานที่ได้มาตรฐานอารยสถาปัตย์สากลในทุกโครงการ อีกทั้งยังมีการร่วมมือกับพันธมิตรพลังสยาม การปรับปรุงทางเชื่อมแยกปทุมวันให้เป็น skywalk ด้วยแนวคิดการออกแบบอารยสถาปัตย์ เพื่อให้ผู้คนสามารถสัญจรบนทางเชื่อมได้อย่างสะดวกและทั่วถึงตลอดสี่แยก 

รวมถึงไอคอนสยามที่ได้มีการลงทุนพัฒนาโครงสร้างระบบขนส่งมวลชนสาธารณะให้กับพื้นที่โดยรอบ นั่นคือ การสร้างรถไฟฟ้าสายสีทอง ซึ่งเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว ผ่านถนนเจริญนครไปสิ้นสุดที่โรงพยาบาลตากสินรวม 3 สถานี และในอนาคตจะเป็น Feeder Line ที่เชื่อมเข้ากับรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วง พร้อมกับความตั้งใจที่จะพัฒนาแผนแม่บททางสัญจรทั้งทาง รถ-ราง-เรือ ให้เชื่อมต่อถึงกันอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในส่วนของท่าเรือจะมีการออกแบบมีทางลาดขึ้นลงของผู้พิการและผู้ทุพพลภาพแบบครบถ้วน

นอกจากนี้ ยังมีการจัดพื้นที่พิเศษที่เรียกว่า ธนบุรีดีไลท์ เพื่อให้ชุมชนที่อยู่โดยรอบนำของดีของเด่นของชุมชนย่านฝั่งธนบุรีมาจำหน่าย เปิดให้ใช้พื้นที่บริเวณริเวอร์พาร์ค เพื่อให้ชุมชนสามารถมาใช้ประโยชน์ มาออกกำลังกายได้เสมือนเป็นระเบียงหน้าบ้าน ส่งเสริมศักยภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิต 13 ชุมชน ในหลายมิติ เช่น จัดทำโครงการฑูตน้อยไอคอนสยาม ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนมาเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรม หรือมอบทุนการศึกษาให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังร่วมกับมูลนิธิชัยพัฒนา และองค์กรพันธมิตร ในโครงการ “รักษ์ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ร่วมกันพัฒนาและจัดการน้ำอย่างยั่งยืน" ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการริเริ่มศูนย์ชุมชนฯ ในพื้นที่กะดีจีน-คลองสาน ที่มุ่งหวังที่จะให้ศูนย์ชุมชนแห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น อนุรักษ์สืบสานประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามมาหลายยุคสมัย การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ พร้อมการสร้างรายได้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสร้างความภาคภูมิใจในชุมชน

มิติสิ่งแวดล้อม

“ด้านมิติสิ่งแวดล้อม”เป็นการสร้างความสมดุลด้านสิ่งแวดล้อม สร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการดูแลโลกใบนี้ ส่งผลให้มีการนำหลัก 3Rs ได้แก่ Reduce Reuse Recycle มาใช้จัดการสิ่งแวดล้อมของอาคารต่างๆ อย่างต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่า 10 ปี  

นอกจากนี้ ไอคอนสยามยังได้มีการนำพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จาก Solar Rooftop เพื่อทดแทนการจ่ายไฟฟ้าสำหรับการจ่ายไฟฟ้าแสงสว่างให้กับอาคารจอดรถของ ICONSIAM เป็นเวลา 1 เดือน มีการออกแบบ Electrostatic Air Cleaner เพื่อดักจับละอองน้ำมัน ดูดกรองกลิ่น ก่อนปล่อยกลิ่นจากการประกอบอาหารออกสู่สิ่งแวดล้อม และการสร้างพื้นที่สีเขียวรวม 4,000 ตารางเมตร และที่สำคัญ ยังมีการร่วมโครงการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะพลาสติกในประเทศไทยอย่างยั่งยืน ด้วยการสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ผู้บริโภคและประชาชน พร้อมกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวที่จะนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน และมีการบริหารจัดการคัดแยกขยะ recycle ทุกวันอย่างเป็นระบบ

เรียกได้ว่าเป็นอีกมิติใหม่ของการเข้าสู่ปีใหม่อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเป็นผู้ให้กับกิจกรรม Citizen of Love by Siam Piwat ต่อยอดไปจนถึงการมุ่งมั่นเป็นองค์กรที่สร้างคุณค่าร่วมกับชุมชน เพื่อต่อยอดสู่ความยั่งยืน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นข่าวดีทั้งนั้น

(Advertorial)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook