ถอดรหัสความสุขในงาน Citizen of Love by Siam Piwat ต้นแบบองค์กรของการสร้างคุณค่าร่วมกันสู่ความยั่งยืน
Citizen of Love by Siam Piwat ถือเป็นกิจกรรมที่จัดต่อเนื่องกันมา ภายใต้ปณิธานที่อยากจะเป็นส่วนหนึ่งของการสืบสานและแบ่งปันความรัก มอบโอกาส ความเท่าเทียมและความสุขให้กับทุกคนอย่างทั่วถึง ซึ่งในปีนี้จะเป็นการมอบกระเป๋าเป้ Citizen of Love พร้อมอุปกรณ์การเรียน จำนวน 26,500 ชุด ให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนจาก 218 โรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อเป็นกำลังใจและก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการศึกษาอย่างมีความสุข เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2563
การให้ในครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถร่วมให้ไปด้วยกันได้ โดยการบริจาคซื้อชุดของขวัญนี้ในราคาชุดละ 200 บาท หรือบริจาคตามกำลังศรัทธา หรือช้อปครบ 500 บาทในสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และไอคอนสยาม นำใบเสร็จมาลงทะเบียน ณ จุดรับบริจาค ตั้งแต่วันนี้ถึง 5 มกราคม 2563
จุดรับบริจาคมีดังต่อไปนี้
- ชั้น M สยามเซ็นเตอร์ (ทางเชื่อมลานพาร์ค พารากอน)
- ชั้น 1 สยามดิสคัฟเวอรี่ (สะพานทางเชื่อม)
- ชั้น 3 สยามพารากอน (หน้าร้าน The Cloud : SANSIRI X THE COFFEE CLUB)
- ชั้น M ไอคอนสยาม (หน้าร้าน H&M)
นอกเหนือจากการส่งต่อรอยยิ้มและความสุข สยามพิวรรธน์ ยังขอประกาศวิสัยทัศน์ครั้งใหญ่กับการมุ่งมั่นเป็นองค์กรที่สร้างคุณค่าร่วมกับชุมชนเพื่อต่อยอดสู่ความยั่งยืน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 มิติ คือ มิติผู้คน มิติชุมชนสังคม และมิติสิ่งแวดล้อม
“เราต้องการให้สยามพิวรรธน์เป็นองค์กรที่สร้างคุณค่าต่อผู้คน ชุมชนสังคมและประเทศชาติ เราไม่ได้ทำกิจกรรมเพื่อสังคมเป็นครั้งคราว แต่ปลูกฝังการสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่ผู้อื่นในวงกว้าง และเข้าไปอยู่ในการดำเนินธุรกิจทุกๆวันของเรา เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์
มิติเรื่องผู้คน
หากแยกย่อยให้เห็นภาพชัดขึ้น “มิติเรื่องผู้คน” ที่ถูกนิยามไว้ว่าเป็นการให้โอกาส ความเท่าเทียมกับคนทุกกลุ่ม สนับสนุนให้ประสบความสำเร็จได้มากยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่าในสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และไอคอนสยาม ต่างสนับสนุนไทยดีไซเนอร์ในทุกแง่มุม รวมไปถึงการลงมือคัดเลือกสินค้าจากโครงการ DEMark, Talent Thai และอื่นๆ เพื่อสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของคนไทยให้ประสบความสำเร็จ หรือที่เห็นได้ชัดคือใน “ไอคอนสยาม” กับการสร้างพื้นที่สุขสยามขึ้นบริเวณชั้น G เพื่อสร้างระบบนิเวศน์ทางการค้าที่จะช่วยส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำแบบครบทั้ง 77 จังหวัด รวมไปถึงการสร้างพื้นที่ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4 และ ชั้น 5 เพื่อเปิดโอกาสให้ช่างฝีมือไทย ดีไซเนอร์ และผู้ประกอบการ SME เข้ามาค้าขายบนพื้นที่กว่า 2,500 ตารางเมตร
มิติชุมชนและสังคม
ส่วนของ “มิติชุมชนและสังคม” เป็นเรื่องของการสร้างความเจริญและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชนโดยรอบโครงการ ดังที่จะเห็นได้ว่าสยามพิวรรธน์มีการลงทุนออกแบบก่อสร้างอาคารที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก พื้นที่ใช้งานที่ได้มาตรฐานอารยสถาปัตย์สากลในทุกโครงการ อีกทั้งยังมีการร่วมมือกับพันธมิตรพลังสยาม การปรับปรุงทางเชื่อมแยกปทุมวันให้เป็น skywalk ด้วยแนวคิดการออกแบบอารยสถาปัตย์ เพื่อให้ผู้คนสามารถสัญจรบนทางเชื่อมได้อย่างสะดวกและทั่วถึงตลอดสี่แยก
รวมถึงไอคอนสยามที่ได้มีการลงทุนพัฒนาโครงสร้างระบบขนส่งมวลชนสาธารณะให้กับพื้นที่โดยรอบ นั่นคือ การสร้างรถไฟฟ้าสายสีทอง ซึ่งเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว ผ่านถนนเจริญนครไปสิ้นสุดที่โรงพยาบาลตากสินรวม 3 สถานี และในอนาคตจะเป็น Feeder Line ที่เชื่อมเข้ากับรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วง พร้อมกับความตั้งใจที่จะพัฒนาแผนแม่บททางสัญจรทั้งทาง รถ-ราง-เรือ ให้เชื่อมต่อถึงกันอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในส่วนของท่าเรือจะมีการออกแบบมีทางลาดขึ้นลงของผู้พิการและผู้ทุพพลภาพแบบครบถ้วน
นอกจากนี้ ยังมีการจัดพื้นที่พิเศษที่เรียกว่า ธนบุรีดีไลท์ เพื่อให้ชุมชนที่อยู่โดยรอบนำของดีของเด่นของชุมชนย่านฝั่งธนบุรีมาจำหน่าย เปิดให้ใช้พื้นที่บริเวณริเวอร์พาร์ค เพื่อให้ชุมชนสามารถมาใช้ประโยชน์ มาออกกำลังกายได้เสมือนเป็นระเบียงหน้าบ้าน ส่งเสริมศักยภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิต 13 ชุมชน ในหลายมิติ เช่น จัดทำโครงการฑูตน้อยไอคอนสยาม ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนมาเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรม หรือมอบทุนการศึกษาให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังร่วมกับมูลนิธิชัยพัฒนา และองค์กรพันธมิตร ในโครงการ “รักษ์ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ร่วมกันพัฒนาและจัดการน้ำอย่างยั่งยืน" ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการริเริ่มศูนย์ชุมชนฯ ในพื้นที่กะดีจีน-คลองสาน ที่มุ่งหวังที่จะให้ศูนย์ชุมชนแห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น อนุรักษ์สืบสานประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามมาหลายยุคสมัย การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ พร้อมการสร้างรายได้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสร้างความภาคภูมิใจในชุมชน
มิติสิ่งแวดล้อม
“ด้านมิติสิ่งแวดล้อม”เป็นการสร้างความสมดุลด้านสิ่งแวดล้อม สร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการดูแลโลกใบนี้ ส่งผลให้มีการนำหลัก 3Rs ได้แก่ Reduce Reuse Recycle มาใช้จัดการสิ่งแวดล้อมของอาคารต่างๆ อย่างต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่า 10 ปี
นอกจากนี้ ไอคอนสยามยังได้มีการนำพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จาก Solar Rooftop เพื่อทดแทนการจ่ายไฟฟ้าสำหรับการจ่ายไฟฟ้าแสงสว่างให้กับอาคารจอดรถของ ICONSIAM เป็นเวลา 1 เดือน มีการออกแบบ Electrostatic Air Cleaner เพื่อดักจับละอองน้ำมัน ดูดกรองกลิ่น ก่อนปล่อยกลิ่นจากการประกอบอาหารออกสู่สิ่งแวดล้อม และการสร้างพื้นที่สีเขียวรวม 4,000 ตารางเมตร และที่สำคัญ ยังมีการร่วมโครงการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะพลาสติกในประเทศไทยอย่างยั่งยืน ด้วยการสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ผู้บริโภคและประชาชน พร้อมกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวที่จะนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน และมีการบริหารจัดการคัดแยกขยะ recycle ทุกวันอย่างเป็นระบบ
เรียกได้ว่าเป็นอีกมิติใหม่ของการเข้าสู่ปีใหม่อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเป็นผู้ให้กับกิจกรรม Citizen of Love by Siam Piwat ต่อยอดไปจนถึงการมุ่งมั่นเป็นองค์กรที่สร้างคุณค่าร่วมกับชุมชน เพื่อต่อยอดสู่ความยั่งยืน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นข่าวดีทั้งนั้น
(Advertorial)