ดาราซุปตาร์ควักเงินแสน จ่ายค่าพยาบาลให้คู่รัก หลังโดนกักขังที่เม็กซิโก

"ไทเลอร์ เพอร์รี" นักแสดงชื่อดังได้ควักเงินส่วนตัว จ่ายค่าตัวประกันให้คู่รักอเมริกัน หลังไปเที่ยวเม็กซิโกแล้วป่วยหนัก ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา ถูกกักขังตัวเอาไว้เหมือนนักโทษ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักแสดงและผู้กำกับซูเปอร์สตาร์ฮอลลิวูดได้ควักเงินกว่า 4 แสนบาท ชำระหนี้ค่ารักษาพยาบาลให้กับคู่รักชาวอเมริกันคู่หนึ่ง หลังทั้งสองได้เดินทางท่องเที่ยวในประเทศเม็กซิโก และมีอาการป่วยฉุกเฉินอย่างกะทันหัน แต่ถูกล็อกขังเอาไว้กลายเป็นตัวประกัน เนื่องจากพวกเขาไม่มีเงินที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลหลายแสนบาท

ตามรายงานระบุว่า "ไทเลอร์ เพอร์รี" นักแสดงและผู้กำกับผิวสีชื่อดังของอเมริกา ได้ตัดสินใจควักเงินส่วนตัวจำนวน 14,000 เหรียญ (ประมาณ 420,000 บาท) เพื่อจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลให้กับโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเม็กซิโก หลังจากที่มีคู่รักชาวอเมริกันถูกกักขังเอาไว้ไม่ต่างกับตัวประกัน เนื่องจากพวกเขาป่วยและไม่มีเงินเพียงพอที่จะจ่ายค่ารักษาได้

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา คู่รักผิวสีชาวอเมริกันได้ไปพักผ่อนที่เม็กซิโก แต่ปรากฏว่าระหว่างที่กำลังล่องเรือสำราญ ฝ่ายชายมีภาวะช็อกฉับพลัน แพทย์วินิจฉัยพบว่าเขาเป็นโรคเบาหวานและมีอาการตับอ่อนอักเสบ ก่อนจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในเมืองโปรเกรสโซ เมืองตากอากาศชื่อดังบริเวณอ่าวเม็กซิโก และพักรักษาตัวอยู่ห้องฉุกเฉินเป็นเวลา 3 วัน

แต่ปรากฏว่าพวกเขาต้องตกใจช็อกอีกครั้ง เพราะบิลค่ารักษาพยาบาลออกมาพบว่า ยอดค่าใช้จ่ายสูงถึง 420,000 บาท ทำให้พวกเขาจนตรอก เนื่องจากไม่ได้ทำประกันเดินทางหรือประกันสุขภาพติดตัวมาด้วย เมื่อพยายามต่อรองค่าใช้จ่ายกับทางโรงพยาบาล ปรากฏว่าถูกข่มขู่จะแจ้งความดำเนินคดี ทำให้พวกเขาถูกนำตัวไปกักขังและล็อกตัวเอาไว้ภายในห้อง ไม่ต่างกับการเป็นตัวประกัน

คู่รักได้โพสต์ประสบการณ์ท่องเที่ยวที่เป็นเหมือนฝันร้ายลงโซเชียลมีเดีย และกลายเป็นกระแสไวรัลกระจายออกไป พร้อมกับมีคนพยายามหาทางช่วยเหลือพวกเขากลับบ้าน กระทั่งนักแสดงหนุ่มใหญ่ ไทเลอร์ เพอร์รี ได้เห็นข่าวนี้เขา เขาจึงตัดสินใจหาทางติดต่อและประสานงานช่วยเหลือ ก่อนจะชำระค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมด พร้อมกับออกค่าเดินทางกลับมาสหรัฐฯ ให้ด้วย

ทำให้ล่าสุดคู่รักคู่นี้ได้ถูกย้ายตัวกลับมารักษาที่โรงพยาบาลในสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยทั้งคู่ได้โพสต์ขอบคุณนักแสดงชื่อดังที่ยื่นมือมาช่วยเหลืออย่างซาบซึ้ง พร้อมกับยกให้เรื่องนี้เป็นอุทหรณ์เตือนใจ แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาขยาดที่จะกลับไปเที่ยวเม็กซิโกอีก เพราะพวกเขายังรักวัฒนธรรมและผู้คนที่นั่น และวางแผนจะกลับไปเยือนอีกครั้ง เพียงแต่ต้องวางแผนรัดกุมให้มากกว่านี้