ด่วน! รัฐบาลแพ้โหวตฉิวเฉียด 4 เสียง มติตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาผลกระทบ ม.44
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 พ.ย.) เมื่อเวลา 17.30 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้เข้าสู่วาระญัตติด่วน เรื่อง ให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศ และคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44
โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะผู้เสนอญัตติดังกล่าวได้ลุกขึ้นอภิปรายถึงความจำเป็นในการตั้งคณะกรรมาธิการฯ ชุดนี้ว่า การใช้ ม.44 ที่ผ่านมา มีผลกระทบอย่างไรบ้าง และหากพบว่าคำสั่ง คสช. ฉบับใดที่เป็นประโยชน์สามารถนำมาใช้ต่อได้ด้วยการปรับเป็นพระราชบัญญัติ หรือกฎกระทรวง ขณะที่ฉบับใดไม่เป็นไปในลักษณะที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน และยังไม่ยกเลิก ก็สามารถศึกษาเพื่อยกเลิกได้ และหาวิธีการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบกับคำสั่งดังกล่าว
นอกจากนี้ การตั้งคณะกรรมาธิการฯ อย่างน้อยที่สุดก็เป็นการแสดงออกให้เห็นถึงวัฒนธรรมการพ้นผิดลอยนวล ปฏิวัติแล้วแต่ไม่มีความผิด ซึ่งหากมีการศึกษาก็จะทำให้เกิดความย่ามใจ พร้อมยืนยันว่า คณะกรรมาธิการฯ ชุดนี้จะไม่มีอำนาจที่จะสั่งการหรือดำเนินคดีกับนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้า คสช. แต่เป็นเพียงการศึกษาเพื่อรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎร และผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติ
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีการลงมติว่าจะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดดังกล่าวหรือไม่ ผลปรากฏว่าฝ่ายค้านชนะ 234 : 230 เสียง งดออกเสียง 2 และไม่ลงคะแนน 1 คน จากผู้เข้าร่วมประชุม 467 คน
หลังจากทราบผลโหวต ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลพยายามขอให้มีการนับคะแนนใหม่ เนื่องจากเกิดความสับสนในการลงคะแนน จากนั้นมีการถกเถียงกันเกิดขึ้นมีทั้งสมาชิกเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพราะได้มีการลงคะแนนไปแล้ว ซึ่งหากให้นับคะแนนใหม่จะถือเป็นบรรทัดฐานที่หากฝ่ายรัฐบาลแพ้จะขอนับคะแนนใหม่ ทำให้นายชวนวินิจฉัยว่า ที่ประชุมต้องเป็นไปตามข้อบังคับเมื่อมีสมาชิกร้องขอและมีผู้รับรอง พร้อมทั้งขอร้องสมาชิกอย่าแย่งกันพูด แต่สมาชิกหลายคนก็ลุกขึ้นถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะนายปิยบุตรที่ระบุว่า การนับคะแนนเสร็จสิ้นลงแล้ว ถ้าคุณแพ้ก็ยอมรับว่าคือแพ้ ไม่เช่นนั้นก็จะขอนับใหม่ทุกเรื่อง
ขณะที่นายชวนได้ปิดไมค์ของสมาชิกไปหลายคน และตัดบทขอลงมติใหม่อีกครั้งด้วยวิธีขานชื่อ แต่ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านได้ยกมือพร้อมเพรียงกันเพื่อประท้วง แต่นายชวนกล่าวว่า “ขอให้รักษามารยาท นี่ที่ประชุมสภาฯ ไม่ใช่โรงเหล้าเถื่อน”
จากนั้นมีเสียงโห่เกิดขึ้นในห้องประชุมสภาฯ คล้ายกับว่าเป็นเสียงโห่ไล่ประธานสภาฯ ประกอบกับฝ่ายค้านไม่ส่งสมาชิกมาเป็นตัวแทนในการเป็นกรรมการตรวจนับคะแนน นายชวนจึงสอบถามว่า เหตุใดฝ่ายค้านจึงไม่ส่งคนมา ทำให้เกิดเสียงวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จึงลุกขึ้นแล้วขอประธานสภาฯ พักการประชุม 5 นาที ซึ่งนายชวนอนุญาตให้พักการประชุมเป็นเวลา 15 นาที
อย่างไรก็ตาม หลังจากกลับมาเริ่มประชุมกันต่อ ส.ส.ฝ่ายค้านพยายามขอให้นายชวนทบทวนการวินิจฉัย เนื่องจากเกรงว่าต่อไปในอนาคตจะมีปัญหาตามมา เพราะเสียงของรัฐบาลและฝ่ายค้านห่างกันเพียง 10 เสียง ไม่เช่นนั้นต่อไปในอนาคตทุกการลงมติในทุกวาระจะต้องมีการขอนับคะแนนใหม่ตลอด แต่นายชวนยังคงยืนยันให้มีการนับคะแนนใหม่ตามที่ฝ่ายรัฐบาลเสนอ ทำให้ ส.ส.ฝ่ายค้านตัดสินใจวอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุม
ปรากฏว่ามีผู้เข้าประชุมเพียง 92 คน ถือว่าองค์ประชุมไม่ครบ ส่วนการประชุมวาระนี้จะไปหารือต่ออีกครั้งในการประชุมวันพรุ่งนี้ (28 พ.ย.)