ครูหนุ่มเจ็บใจ เมียอดีตตำรวจหลอกใช้ชื่อถอยรถหรู ตัวเองแบกรับหนี้แทน

ครูหนุ่มเจ็บใจ เมียอดีตตำรวจหลอกใช้ชื่อถอยรถหรู ตัวเองแบกรับหนี้แทน

ครูหนุ่มเจ็บใจ เมียอดีตตำรวจหลอกใช้ชื่อถอยรถหรู ตัวเองแบกรับหนี้แทน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผิดที่ไว้ใจ ครูหนุ่มกับแฟนอดีตสาวแบงก์ โร่ร้องสื่อ หลังโดนเมียอดีตตำรวจ อ้างเป็นเจ้าของบริษัทค้าข้าว หลอกใช้ชื่อไปถอยรถหรู ตัวเองมาแบกหนี้เงินล้านแทน แจ้งความแล้วเรื่องเงียบกริบ

นายฉัตรชัย อายุ 35 ปี ข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง พร้อมด้วย น.ส.พิมพ์อักษร อายุ 28 ปี แฟนสาว อดีตพนักงานฝ่ายสินเชื่อ ธนาคารชื่อดัง ได้นำเอกสารหลักฐานข้อความการแชทสนทนาออกมาร้องเรียนผ่านสื่อ เพื่อขอความช่วยเหลือและความเป็นธรรม หลังถูกภรรยาอดีตนายตำรวจหลอกใช้ชื่อไปถอยรถยนต์คันหรูออกมาขับ และปล่อยให้แบกรับหนี้เป็นล้านบาท

นายฉัตรชัย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้รู้จักกับ น.ส.ทิพย์ (นามสมมติ) อายุ 36 ปี เป็นภรรยาของอดีตนายตำรวจยศ พ.ต.ท. ซึ่งเคยปฏิบัติหน้าที่อยู่โรงพักแห่งหนึ่งใน จ.สุรินทร์ อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของบริษัทค้าข้าวชื่อดัง และยังเคยเป็นลูกค้าของธนาคารที่แฟนสาวที่เคยทำงานอยู่ และมาหลอกล่อให้แฟนสาวใช้ชื่อถอยรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์วี จากเต็นท์รถให้

น.ส.ทิพย์ อ้างว่าชื่อตัวเองติดเครดิตบูโรอยู่ ทำให้ไม่สามารถออกรถได้ อีกทั้งยังหลอกล่อว่า หากออกรถให้ได้แล้ว จะรับ น.ส.พิมพ์อักษร เข้าทำงานเป็นเสมียนที่บริษัทค้าข้าว ซึ่งในตอนนั้น น.ส.พิมพ์อักษร เพิ่งออกจากธนาคาร และมีความหวังว่าจะได้ทำงานที่ใหม่ แต่พอตรวจสอบแล้วเครดิตของ น.ส.พิมพ์อักษร กลับไม่ผ่าน

ทำให้ภรรยาอดีตนายตำรวจยังคะยั้นคะยอจะเอารถให้ได้ จึงได้หยิบยืมชื่อของตนแทน ในตอนแรกตนอยากจะปฏิเสธ เพราะกลัวจะมีปัญหาตามมา แต่ด้วยความที่อยากจะให้แฟนได้มีหน้าที่การงานที่ดี ประกอบกับ น.ส.ทิพย์ รับปากว่าภายใน 3 เดือนจะปิดยอดให้ทั้งหมด จึงยอมตกลง แต่ในใจก็คิดว่าเครดิตไม่น่าจะผ่านอยู่แล้ว เพราะตนเคยกู้ธนาคารและยังเป็นหนี้อยู่จำนวนหนึ่ง แต่พอนำเอกสารไปทำเรื่องกลับผ่านก็ยังรู้สึกแปลกใจว่าผ่านได้อย่างไร

หลังจากนั้นก็มีการดำเนินเรื่องซื้อขายรถตามปกติ โดยใช้ชื่อของตนเป็นผู้เช่าซื้อ หลังจากนั้นก็ส่งมอบรถเมื่อกลางเดือนกรกฎาคม 2562 หลังจากรับมอบรถ น.ส.ทิพย์ ก็เป็นคนนำรถไปใช้งานตลอด ก็ยังคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ปรากฏว่าแฟนสาวยังไม่เห็นถูกเรียกตัวไปทำงานที่บริษัทตามที่ตกลงไว้

กระทั่งเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทางบริษัทไฟแนนซ์ได้โทรมาทวงถามค่างวดรถ บอกว่าตนค้างค่างวดรถมา 3 เดือนแล้ว ซึ่งตามที่ระบุไว้ในสัญญาจะต้องจ่ายงวดละ 11,921 บาท ทำให้ตนรู้สึกตกใจมาก จากนั้นครูหนุ่มและแฟนสาวก็โทรศัพท์ไปสอบถามกับ น.ส.ทิพย์ ว่าทำไมไม่ชำระค่างวดรถ ซึ่งอีกฝ่ายก็พยายามบ่ายเบี่ยง

ต่อมาจึงตัดสินใจไปที่บ้านของ น.ส.ทิพย์ เพื่อจะขอยึดรถคืน แต่กลับถูกขู่ว่าจะแจ้งความกลับ ฐานบุกรุก หลังจากนั้นจึงได้นำเอกสารหลักฐานไปแจ้งความที่ จ.อุบลราชธานี เพราะเป็นท้องที่ที่ไปซื้อรถมา แต่ตำรวจบอกว่าเกิดเหตุที่ไหนให้ไปแจ้งความที่นั่น

จากนั้นจึงไปแจ้งลงบันทึกไว้ทั้งที่ สภ.พนมดงรัก, สภ.เมืองสุรินทร์, สภ.บ้านกรวด และ สภ.ประโคนชัน จ.บุรีรัมย์ รวมถึงไปแจ้งกับทางกองปราบฯ แต่เรื่องก็ยังเงียบหายไป เจ้าหน้าที่บอกแค่ว่าเป็นคดีแพ่งให้ไปฟ้องร้องเอาเอง

ในที่สุด ทั้งคู่จึงได้ตัดสินใจนำเรื่องมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน เพราะอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้รู้กฎหมายช่วยเหลือด้วย เพราะหาก น.ส.ทิพย์ ไม่จ่ายงวดก็อยากให้เอารถคืนบริษัท เพราะหากไม่จ่ายตนจะต้องแบกรับภาระต่างๆ ทั้งค่างวด ดอกเบี้ยเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท ก็อยากจะให้ตำรวจช่วยติดตามรถคืนให้ด้วย เพราะเชื่อว่าอาจจะเป็นขบวนการหลอกซื้อรถไปขายประเทศเพื่อนบ้าน และน่าจะมีคนตกเป็นเหยื่อหลายราย

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติ น.ส.ทิพย์ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของบริษัทค้าข้าว มีคดีถูกฟ้องร้องอยู่ 3 คดี ส่วน พ.ต.ท.ที่เป็นสามีนั้น ก็ยังพบว่ามีคดีถูกฟ้องร้องอยู่อีกคดีด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook