เปิดใจหนุ่มขับ "กระบะพันธุ์ดุ" ยอมรับผิดเพราะโมโห ถอยรถเข้าไปขนของไม่ได้
ชายคนขับรถกระบะพันธุ์ดุ พร้อมกับเจ้าของบ้าน โร่เข้าให้ปากคำตำรวจ อ้างทำไปเพราะความโมโห ถอยรถเข้าไปขนของไม่ได้ ยอมรับว่าวู่วามเกินไป
(2 ธ.ค.) นายวิชิต อายุ 48 ปี และ นายปรัชญา อายุ 40 ปี เจ้าของรถยนต์ 2 คันที่ได้รับความเสียหาย หลังถูกรถกระบะคันหนึ่งถอยพุ่งชนซ้ำสองครั้ง ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับ พ.ต.ท.สมัย เจริญราช พนักงานสอบสวน สภ.บางปู สมุทรปราการ เจ้าของคดี
นายปรัชญา เปิดเผยว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ตนนำรถไปจอดยาว เพราะปกติเคยจอดแค่ครู่เดียว ก่อนจะขยับรถออกมา แต่ก็ไม่เคยปัญหาอะไร แต่ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งเพื่อนๆ มาสังสรรค์ที่บ้านก็ให้ไปจอด ชาวบ้านละแวกนั้นก็มาเรียกให้ไปขยับ ที่ตรงนี้เป็นที่ส่วนกลางของหมู่บ้าน ทุกคนสามารถจอดรถได้ แต่ครั้งนั้นมีการโต้เถียงกัน หลังจากนั้นก็เว้นไปนานก็ไม่เคยไปจอดอีกเลย
ขณะที่ทางด้าน นายวรรณลภ อายุ 42 ปี เจ้าของบ้านที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเรื่องในครั้งนี้ พร้อมด้วย นายภัสกร อายุ 40 ปี คนขับรถกระบะคันที่ก่อเหตุ ก็ได้เดินทางพบพนักงานสอบสวนเช่นเดียวกัน ตามหมายเรียกของเจ้าพนักงาน ทางพนักงานสอบสวนได้แยกสอบที่ละชุด โดยให้ทางฝ่ายผู้ก่อเหตุเข้ามานั่งรอให้ห้องเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนก่อนเพื่อรอการสอบปากคำ
>> เจ้าของรถสุดช็อก เช็กภาพวงจรปิดนาที "กระบะพันธุ์ดุ" ถอยชนซ้ำสองครั้งซ้อน
นายภัสกร คนขับรถกระบะ เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุตนขับรถมาเพื่อที่จะมาขนของที่บ้านของนายวรรณลภ แต่ก็ยกต้นไม้ขึ้นไม่ได้ เพราะมีรถจอดขวางอยู่ จะเอารถเข้าบ้านเพื่อยกโซฟาในบ้านก็ไม่ได้อีก พอไปตามเจ้าของรถที่บ้านก็พบว่าไม่อยู่บ้าน ก็คิดว่าเขาเอารถมาจอดทิ้งเอาไว้ และก็รู้มาว่าเคยมีปัญหากันมาก่อน เพราะเรื่องจอดรถลักษณะนี้
ทั้งนี้ยอมรับว่าเกิดอารมณ์โมโห เพราะตนรีบกลับไปทำงานต่อ จึงได้ตัดสินใจก่อเหตุเอง ตนรู้สึกโมโหแทนพี่เจ้าของบ้าน ตนคิดว่าเป็นการจงใจ ถามว่าทำไมถึงต้องถอยชนซ้ำสองครั้ง ยอมรับว่ามีอารมณ์โมโห ตนก็ต้องขอโทษจริงๆ เพราะโมโหมากเกินไป ตนเข้าใจว่าทุกคนก็อาจจะออกไปธุระ แต่ตนก็มีธุระเหมือนกัน ตนยืนยันว่าเราพยายามจะขนของแต่เราเคลื่อนย้ายของไม่ได้เพราะรถของเขาจอดขวางอยู่
ขณะที่ นายวรรณลภ เจ้าของบ้านที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเรื่อง ระบุว่า ตนยืนยันว่าเขามาแค่ขนของของจริงๆ คือก่อนหน้านี้ได้มีการขนต้นไม้ออกไปบางส่วนแล้ว และเหลือพวกโซฟาอีก แต่ว่าวันนั้นไม่สามารถขนของได้ เพราะว่าของมันชิ้นใหญ่ต้องถอยรถเข้าไปในบ้านและยกขึ้น ประกอบกับของเยอะบวกกับมีต้นไม้ด้วย และต้นไม้ก็ไม่สามารถเอาได้ ณ ตอนนั้นเพราะติดรถที่จอดอยู่ไปตามเขาหลายครั้ง สำหรับตนแล้วไม่มีเจตนาใดๆ เพราะต้องการมาขนของอย่างเดียว
พ.ต.ท.สมัย เจริญราช สารวัตรสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า ในเบื้องต้นวันนี้ได้เรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายเข้าสอบปากคำเพิ่มเติม แต่ต้องสอบที่ละชุด จึงให้ทางผู้เสียหายเข้าสอบปากคำก่อน ส่วนตัวผู้ก่อเหตุและผู้ที่ถูกกล่าวหา จะเรียกสอบต่อจากที่สอบผู้เสียหายเสร็จแล้ว ซึ่งการกระทำดังกล่าวจากภาพที่กล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้ เข้าข่ายร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และสอบปากคำทั้งสองฝ่ายเรียบร้อยแล้วก็จะส่งตัวผู้ก่อเหตุและผู้ถูกกล่าวหาไปฟ้องศาลเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป