หนุ่มแบงก์ราชบุรีเมาแล้วขับ กล้องจับชัด-กินเลนเฉี่ยวประสานงา 3 คันซ้อน
หนุ่มแบงก์ชื่อดังเมืองราชบุรี ขับรถเบี่ยงกินเลนพุ่งชนรถสวนทางมาอย่างจัง กล้องหน้ารถจับภาพเอาไว้ชัดเจน พบสภาพเมาแอ๋-กลิ่นเหล้าโชย เคราะห์ดีแค่เจ็บไม่สาหัส
ภาพจากกล้องที่หน้ารถยนต์คันหนึ่งจับนาทีอุบัติเหตุโดนรถยนต์ที่ขับสวนทางมาเฉี่ยวชนเข้าอย่างจัง ทำให้รถเสียหลักพุ่งลงข้างทาง เหตุเกิดบริเวณถนนสายราชบุรี-เขางู เยื้องวัดอรัญญิกาวาสตำบลเจดีย์หัก อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี ส่งผลให้มีรถยนต์เสียหาย 3 คัน
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (5 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่มูลนิธิปฐมบรมราขานุสรณ์ราชบุรี ได้รับแจ้งเกิดเหตุอุบัติเหตุรถยนต์ชนกัน 3 คัน ส่งผลทำให้มีผู้บาดเจ็บ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี ในที่เกิดเหตุ พบรถยนต์โตโยต้า สีแดง โดยมี นายเกษม อายุ 44 ปี เป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง เป็นผู้ขับขี่ โดยสภาพรถเสียหายทั้งคัน ล้อหน้าด้านขวาขาดหลุดออกจากตัวรถ ส่วนล้อหลังด้านขวายางแตก ขณะที่ประตูฝั่งคนขับพังยับ
ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร พบรถยนต์โตโยต้า สีขาว โดยมีอดีตตำรวจขับขี่ มาพร้อมด้วยลูกชายและลูกสาว ยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ และยังมีรถยนต์ซูซูกิ สีขาว ที่ขับตามมาอีกคัน แต่เบรกไม่ทัน ทำให้รถพุ่งชนเข้าอย่างจัง เป็นเหตุทำให้รถพุ่งตกลงข้างทาง ได้รับความเสียหายไม่สามารถขับต่อได้
ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่มูลนิธิปฐมบรมราขานุสรณ์ราชบุรี พยายามพูดคุยกับ นายเกษม คนขับรถยนต์โตโยต้า สีแดง ที่พบว่าอยู่สภาพมึนเมา มีกลิ่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โชย ทำให้ยังสามารถให้ข้อมูลได้ เจ้าหน้าที่พยายามติดต่อทางญาติให้มาที่เกิดเหตุ ก่อนจะนำตัวส่งรักษาอาการบาดที่ที่ข้อเท้าขวา พร้อมทั้งตรวจเช็กร่างกาย เนื่องจากการกระแทกการเหตุครั้งนี้
จากการสอบถามอดีตนายตำรวจ เปิดเผยว่า ตนและลูกๆ เพิ่งกลับจากการทานอาหารในตัวเมืองราชบุรี กำลังจะกลับเข้าบ้าน ระหว่างทางก็ขับรถมาตามปกติ แต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ อยู่ๆ ก็มีรถยนต์โตโยต้า สีแดง ของ นายเกษม วิ่งขับทางสวนมา เบี่ยงกินเลนและพุ่งชนรถของตนอย่างจัง และยังทำให้รถยนต์ซูซูกิอีกคันที่ขับตามมา เบรกไม่ทั และชนเข้าตามกันอย่างจัง
หลังเกิดเหตุตนจึงรีบตั้งสติและพาลูกๆ ออกจากตัวรถได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากถุงลมและเข็มขัดรินภัยช่วยชีวิตเอาไว้จึงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ส่วนผู้หญิงที่ขับรถยนต์ซูซูกิพบว่าได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่มูลนิธิปฐมบรมราขานุสรณ์ได้นำส่งโรงพยาบาลทันที เคราะห์ดีไม่มีผู้เสียชีวิตในเหตุครั้งนี้
สำหรับสาเหตุตำรวจได้นำภาพจากกล้องรถยนต์คู่กรณีไปตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมทั้งลงบันทึกที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจะเรียกผู้ขับขี่ทั้ง 3 คัน มาทำการสอบสวนเพื่อหาผู้กระทำความผิดในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยจะต้องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ทั้งหมด หากพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดก็จะดำเนินคดีในข้อหาเมาแล้วขับทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน และร่างกายผู้อื่นด้วย