เทคนิคง่ายๆ ในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศต้อนรับปี 2020
เพราะเครื่องฟอกอากาศ หรือ Air Purifier สามารถช่วยกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก และก๊าซอันตรายในอากาศได้ ไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรีย เชื้อไวรัส รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ โดยหลักการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ คือ การดูดอากาศเข้าตัวเครื่องและผ่านแผ่นกรองอากาศ ให้ดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ ทำให้อากาศที่ออกมาบริสุทธิ์ สะอาด เหมาะแก่การหายใจ โดยเฉพาะใครที่เป็นโรคภูมิแพ้ เครื่องฟอกอากาศถือเป็น A Must ที่คุณต้องมีติดบ้านหรือมีไว้ในห้องนอน เพราะเครื่องฟอกอากาศจะช่วยกำจัดฝุ่น ทำให้อาการภูมิแพ้บรรเทาลงได้
แต่ถึงจะไม่ได้เป็นภูมิแพ้ คุณเองก็ควรซื้อเครื่องฟอกอากาศติดบ้านไว้สักเครื่อง เพราะยังมีปัจจัยเรื่องฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และเชื้อแบคทีเรียในอากาศต่างๆ ที่เป็นอันตราย ฟอกอากาศให้สะอาดบริสุทธิ์ไว้ก่อนจึงดีกว่าเห็นๆ แต่จะเลือกเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหน รุ่นไหนดี ถึงจะเหมาะกับบ้านหรือคอนโดที่คุณพักอาศัย เราจึงมีเทคนิคในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศมาฝากกัน
วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศ
1. ขนาดของห้อง
หลักการคล้ายการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ คือ ยิ่งห้องมีขนาดใหญ่เท่าไร ยิ่งต้องเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศให้มีขนาดใหญ่ตามไปด้วย โดยควรเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศให้สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง หรืออย่างน้อย 130% ของขนาดห้อง เพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น และเพื่อเปรียบเทียบอัตราการฟอกอากาศบริสุทธิ์ (CADR) ของเครื่องฟอกอากาศว่ามีค่าเท่าไร
สำหรับเครื่องฟอกอากาศจากแบรนด์ซัมซุงนั้นมาพร้อมประสิทธิภาพในการครอบคลุมพื้นที่หลากหลายขนาด ตั้งแต่ห้องนอนขนาดเล็ก 40 ตร.ม. และ 60 ตร.ม. ไปจนถึงห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ถึง 90 ตร.ม.
ถ้าบ้านของคุณมีพื้นที่ไม่เกิน 90 ตารางเมตร แนะนำเครื่องฟอกอากาศ Samsung Blue Sky AX7500 ตอบโจทย์ทุกพื้นที่ในการใช้งาน วางมุมไหนของบ้านก็ลงตัว ด้วยช่องรับอากาศด้านหน้า พร้อมช่องกระจายอากาศบริสุทธิ์ 3 ทิศทาง ที่มาพร้อมพลัง Dual Power Fan ทำให้แม้จะวางตัวเครื่องชิดติดผนัง เครื่องก็สามารถฟอกอากาศบริสุทธิ์ส่งออกไปได้เร็วและไกล ครอบคลุมทุกมุมห้อง ตั้งไว้ได้ทุกมุมของบ้าน ตั้งแต่ห้องรับแขกไปจนถึงห้องนอน
ส่วนใครที่กำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศสำหรับห้องที่มีพื้นที่ไม่เกิน 40 ตารางเมตร และต้องการเพิ่มกิมมิคให้กับบ้านไปในตัว เครื่องฟอกอากาศ Samsung BLUE SKY AX3300 ช่วยตอบโจทย์นี้ได้อย่างลงตัว ด้วยดีไซน์โดดเด่น รูปทรงขอบโค้งดูสวยเก๋ มีรางวัล IF Design Award ประจำปี 2017 การันตี ขนาดกะทัดรัด มาพร้อมหูหิ้ว ยกไปตั้งวางตรงไหนของตัวบ้านก็สะดวกจริงๆ แล้วยิ่งเมื่อเปิดใช้งาน จะมี Air Sensing Light ระบบไฟอัจฉริยะ 4 สี ช่วยให้คุณรับรู้ได้ถึงคุณภาพอากาศแม้มองจากระยะไกล
เครื่องฟอกอากาศอีกหนึ่งรุ่นที่เหมาะกับการใช้งานในห้องหลากหลายขนาด ได้แก่ เครื่องฟอกอากาศ Samsung CUBE มาในดีไซน์รูปทรงลูกบาศก์เรียบเท่สุดมินิมอล เข้าได้กับทุกสไตล์การแต่งบ้าน ผ่านการออกแบบมาแล้วให้วางซ้อนกันได้ เพื่อการใช้งานที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีฟอกอากาศบริสุทธิ์แบบ Wind-Free ที่ไม่มีลมมาปะทะตัว และเงียบสนิทไร้เสียงรบกวน
2. ค่า CADR (Clean Air Deliver Rate)
ค่า CADR หรืออัตราการฟอกอากาศบริสุทธิ์ต่อชั่วโมง ซึ่งได้จากการวัดปริมาณอากาศทั้งหมดที่ระบบฟอกอากาศสามารถทำความสะอาดได้ภายใน 1 นาที ปกติจะแสดงผลเป็นตัวเลข 3 ตัว คือ อัตราการทำความสะอาดอากาศที่มีฝุ่นละออง อากาศที่มีเกสรดอกไม้ และอากาศที่มีควันบุหรี่ ยิ่งค่า CADR สูง แสดงว่าเครื่องฟอกอากาศเครื่องนั้นสามารถทำงานได้ดี อย่าง Samsung BLUE SKY AX7500 นั้น มีค่า CADR อยู่ที่ 701 ลบ.ม. ต่อชั่วโมง ถือว่าฟอกอากาศได้เร็วและสะอาดสุดๆ
3. ระดับเสียง
สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศสำหรับใช้งานในห้องนอน ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีเสียงเบาขณะทำงาน ระดับเสียงควรอยู่ที่ 30-31 เดซิเบล แต่ถ้าเป็นห้องอื่นๆ ในตัวบ้านก็สามารถมีเสียงที่ดังขึ้นมาอีกนิดได้ อย่าง Samsung BLUE SKY AX7500 มีระดับเสียงอยู่ที่ 54 เดซิเบล ใช้งานในห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่นได้สบายๆ เสียงไม่ดังจนรบกวนการดูโทรทัศน์แน่นอน ส่วนตอนนอนสามารถปรับไปที่ Sleep Mode ให้สายลมที่นุ่มนวลและเงียบกว่าเดิม ปราศจากแสงไฟจากจอแสดงคุณภาพอากาศรบกวนการนอนอีกด้วย
4. ประสิทธิภาพของแผ่นกรอง
ประสิทธิภาพของแผ่นกรองที่ดีจะต้องสามารถกรองกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์และก๊าซอันตราย รวมถึงสามารถดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กมากถึง PM 0.3 ได้ 99.9% และควรกำจัดสารก่อภูมิแพ้ รวมถึงเชื้อแบคทีเรียในอากาศได้ด้วย
ดังนั้น การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศจึงควรคำนึงถึงแผ่นกรองด้วย โดยแผ่นกรองนั้นควรหาซื้อได้ง่าย ราคาสมเหตุสมผล และสามารถถอดล้างบำรุงรักษาได้ง่าย
สำหรับ Samsung BLUE SKY AX7500 นั้นมีแผ่นกรองอากาศถึง 3 ชั้น สามารถดักจับฝุ่นขนาดใหญ่ด้วยแผ่นกรอง Pre-Filter ที่สามารถถอดล้างได้ จากนั้น ฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นด้วยแผ่นกรอง Activated Carbon ช่วยดูดซับก๊าซอันตรายต่างๆ รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์ และสุดท้าย กรองอากาศให้บริสุทธิ์ขั้นสุดด้วยแผ่นกรอง HEPA กรองฝุ่นอนุภาคเล็กได้ตั้งแต่ขนาด PM10, PM 2.5, PM1.0 และ PM 0.3 โดยกรองได้มากถึง 99.9% รวมถึงช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้อีกด้วย อีกทั้งการออกแบบตัวเครื่องมาเป็นอย่างดี Samsung BLUE SKY AX7500 คิดมาแล้วให้คุณสามารถถอดหน้ากากด้านหน้าของตัวเครื่อง เพื่อเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศได้อย่างสะดวกง่ายดาย โดยระบบจะส่งสัญญาณเตือนด้วยการแสดงไอคอนแผ่นกรองเป็นไฟกะพริบเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนแผ่นกรอง Activated Carbon และ HEPA
5. อัจฉริยะสั่งงานด้วยเสียงและ Wi-fi
เครื่องฟอกอากาศส่วนมากจะมีระบบ Auto Mode ที่สามารถปรับระดับความเบาหรือความแรงของเครื่องได้เองอัตโนมัติ รวมถึงฟังก์ชั่นตั้งเวลาเปิด-ปิดเครื่อง เพื่อให้เครื่องสามารถหยุดการทำงานในขณะที่เราหลับหรือไม่อยู่บ้านได้
แต่ถ้าจะให้ล้ำกว่านั้นก็ต้องพลัสเทคโนโลยีต่างๆ เข้าไปอีก อย่าง Samsung BLUE SKY AX7500 ที่นอกจากจะมีระบบ Auto Mode คอยตรวจจับมลภาวะในบ้าน ควบคุมการฟอกอากาศบริสุทธิ์โดยอัตโนมัติ พร้อมปรับกำลังและความเร็วลม 3 ระดับตามความเหมาะสมแล้ว ยังแสดงผลแสดงค่าของระดับต่างๆ เป็นไฟ 4 สี ด้วยตัวเลขดิจิตอลผ่านหน้าจอระบบสัมผัส และสามารถสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Bixby และ Wi-Fi แค่โหลดแอปพลิเคชั่น SmartThings ก็สามารถสั่งงานควบคุมเปิด-ปิด เช็คสถานะการทำงานของตัวเครื่อง และเช็คสถานะแผ่นกรองได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านสมาร์ทโฟนในมือคุณ เรียกได้ว่ากดเปิดเครื่องฟอกอากาศให้ทำงานรอคุณกลับถึงบ้านได้เลย เปิดประตูเข้าบ้านปั๊บ รับอากาศบริสุทธิ์เข้าสู่ปอดเป็นรางวัลชีวิตได้ทันที
รู้จักเทคนิคในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศกันแล้ว ก็ถึงเวลาลงทุนซื้อเครื่องฟอกอากาศเป็นของขวัญรับปีใหม่ให้กับตัวคุณเองและคนที่คุณรัก จะได้หายใจเอาอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์เข้าไปฟอกปอด ทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงอย่างยั่งยืน
ดูข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ คลิก เครื่องฟอกอากาศ Samsung
(Advertorial)
อัลบั้มภาพ 11 ภาพ