โซเชียลส่ายหน้า กระเป๋ารถเมล์หัวร้อน ตอกกลับผู้โดยสาร แค่ถามค่าตั๋วเท่าไหร่
โลกโซเชียลแห่วิจารณ์พฤติกรรมกระเป๋ารถเมล์สายหนึ่งในเมืองกรุง หลังชายคนหนึ่งใช้บริการและไม่แน่ใจเรื่องราคา สอบถามแต่กลับไม่ได้รับคำตอบ อ้างเหนื่อย ต้องมาตอบอะไรแบบนี้
(8 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่โลกโซเชียลมีเดียได้วิพากษ์วิจารณ์คลิปภาพเหตุการณ์บนรถเมล์โดยสารประจำทางสายหนึ่งในกรุงเทพฯ ผู้โดยสารสอบถามราคากับกระเป๋ารถเมล์ แต่กลับได้รับอารมณ์ฉุนเฉียวกลับมา อ้างว่าเหนื่อยที่จะตอบคำถาม กลายเป็นเหตุปะทะคารมกันพัลวัน
เฟซบุ๊กเพจ โซเชียล ฮันเตอร์ ได้แชร์คลิปดังกล่าวออกไปและมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก เกี่ยวกับการให้บริการบนรถเมล์โดยสารประจำทางสาย 205 โดยชายผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ระบุว่า ได้ขึ้นรถเมล์คันดังกล่าว เพื่อจะไปลงที่วัดปริวาศราชสงคราม ถนนพระราม 3 เมื่อพนักงานเก็บค่าโดยสารมาถึง ก็ออกปากถามว่า "ค่าโดยสารเท่าไหร่ครับ" เพราะชายคนดังกล่าวไม่ได้ขึ้นรถเมล์โดยสารมานานหลายปีแล้ว
แต่ปรากฏว่าพนักงานเงยหน้าขึ้นมามอง พร้อมกับไม่มีคำตอบใดๆ กลับมา จึงนึกว่าไม่ได้ยินที่ถามไป จึงได้สอบถามค่าโดยสารไปอีกครั้ง ปรากฏว่าพนักงานกลับส่ายหน้าให้ และถามกลับมาว่า "บ้านอยู่ที่ไหน" ก่อนจะบ่นต่อว่าทำไมไม่อ่านข่าวสารบ้าง คนอื่นๆ ยังรู้เลยว่าค่าโดยสารเท่าไหร่ ชายคนดังกล่าวจึงได้แจ้งกลับไปว่า ไม่รู้เพราะไม่ได้ขึ้นรถเมล์มานานมากแล้ว
ทั้งนี้ พนักงานยังบอกอีกว่า "ทำงานก็เหนื่อยมากแล้ว ยังต้องให้มาตอบคำถามอีก" เรื่องราวเริ่มบานปลายกลายเป็นเหตุปะทะคารมกัน เมื่อชายผู้โดยสารหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะถ่ายคลิปเอาไว้ ปรากฏว่าก็โดนพนักงานสกัดด้วยการปัดโทรศัพท์ตกลงพื้นรถเมล์ ก่อนจะบ่นด่าต่างๆ นานาอีกมากมาย ประเด็นดังกล่าวจึงกลายเป็นที่กล่าวถึงในโซเชียลมีเดียเป็นอย่างมาก พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการดูแลกรณีนี้
ขณะที่ล่าสุดในรายการ ทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง อมรินทร์ ทีวี 34 ได้เปิดใจชายผู้ประสบเหตุดังกล่าว เป็นชายวัย 45 ปี พร้อมกับเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยยอมรับว่าตัวเองไม่ได้ใช้บริการรถเมล์โดยสารในกรุงเทพฯ มาเกือบจะ 20 ปีแล้ว เพราะปกติขับรถส่วนตัว เพียงแค่เกิดความไม่แน่ใจเรื่องค่าโดยสาร ก็เป็นปกติที่จะถามพนักงานก่อนจะจ่าย ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องราวเช่นนี้
ชายคนดังกล่าวยังเล่าต่อว่า หลังจากที่ปะทะคารมกันแล้ว กระเป๋ารถเมล์ก็ยังเดินไปหาคนขับ พร้อมกับพูดบ่นในทำนองต่อว่าตนไปตลอดทาง ทำให้ตนรู้สึกอับอาย เพราะช่วงนั้นมีผู้โดยสารอยู่เต็มคันรถ บางคนก็ช่วยปลอบให้ตนใจเย็นๆ เพราะไม่อยากให้มีเรื่องกัน หลังเกิดเหตุตนก็ได้ดำเนินการแจ้งเรื่องร้องเรียนไปยังกรมขนส่งฯ เรียบร้อยแล้ว