หมาจรจัดสุราษฎร์ฯ ใหญ่คับซอย รุมขย้ำเด็ก 9 ขวบ หวาดผวากลัวฝังใจ
หมาจรจัดกระโจนกัดเด็ก 9 ขวบ เพื่อแย่งขนม ฝันคมเขี้ยวเจ็บทั้งตัว รองนายกเทศบาลฯ ลงพื้นที่วางแผนแก้ไขปัญหาระยะยาว แต่ยอมรับติดปัญหา พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์
(9 ธ.ค.) นายสุฟ้าง แซ่หว่อง รองนายกเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ได้ลงตรวจสอบพื้นที่ซอยโฉลกรัฐ 10 ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี หลังเกิดเหตุสุนัขจรจัดได้รุมขย้ำกัดเด็กชาย วัย 9 ขวบ ได้รับบาดเจ็บหลายแห่งตามร่างกาย หวังหาทางแก้ไขเฉพาะหน้าและแก้ไขระยะยาวไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นอีก
สำหรับเหตุสุนัขรุมกัดเด็กในครั้งนี้เกิดขึ้น เมื่อเวลา 14.15 น. วานนี้ (8 ธ.ค.) ภายในซอยโฉลกรัฐซอย 10 ซึ่งเป็นย่านชุมชนที่มีบ้านเรือนจำนวนมาก น้องตั้ม (นามสมมติ) อายุ 9 ขวบ ถูกสุนัขจรจัดที่อยู่ในซอยกัด แค่ยังเคราะห์ดีที่มีชาวบ้านเห็นและช่วยเหลือไว้ได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลจากคมเขี้ยว บริเวณศีรษะและขาหลายจุด ถูกนำส่งโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี เพื่อทำแผล
โดยบาดแผลที่บริเวณศีรษะของเด็กนั้น แพทย์ต้องเย็บให้ถึง 10 เข็ม แต่แพทย์จำเป็นต้องเย็บให้แค่ 3 เข็ม เพื่อไม่ให้แผลปิดสนิท และให้น้ำลายหมาที่อาจจะยังติดอยู่บริเวณแผลซึมออกได้ เป็นการป้องกันอาการติดเชื้อ ส่วนที่บริเวณขาเป็นรอยเขี้ยวฝังลึกแพทย์ได้ทำแผลพร้อมกับปิดปาสเตอร์เอาไว้ให้ พร้อมกับฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า และยังนัดฉีดอีก 3 ครั้ง
ล่าสุด น้องตั้ม อาการดีขึ้นตามลำดับ แต่ยังไม่สามารถไปโรงเรียนได้ เพราะยังเจ็บแผลอยู่ น้องตั้มพาผู้สื่อข่าวไปชี้ให้ดูว่าถูกสุนัขตัวไหนกัด และเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตนเดินผ่านในซอยแห่งนี้เป็นประจำ ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ แต่ในช่วงเกิดเหตุตนเดินถือขนมมาด้วย แต่ทำให้กลับถูกสุนัขกระโจนใส่ และล้มลง และสุนัขได้กัด พร้อมกับแย่งขนมไป ทำให้ตอนนี้รู้สึกกลัวสุนัขฝังใจไปแล้ว
นายสุฟ้าง แซ่หว่อง รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นจะได้ประสานปศุสัตว์จังหวัด ดำเนินการย้ายหมาออกจากจุดเกิดเหตุไปก่อน แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัญหาสุนัขจรจัดเป็นปัญหาที่หนักใจ เนื่องจากสุราษฎร์ฯ ยังไม่มีที่รองรับสุนัขกลุ่มนี้ ซึ่งจะต้องหารือกับทุกภาคส่วนเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาในระยะยาว เพราะมี พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ ดูแลสัตว์เหล่านี้
อย่างไรก็ตาม บริเวณดังกล่าวมักมีคนที่มีจิตที่เป็นกุศล นำอาหารมาให้สุนัขจรจัดกลุ่มนี้กิน จนทำให้สุนัขไม่ยอมไปไหน เกิดเป็นความเดือดร้อนต่อคนใกล้เคียง จึงอยากให้คนกลุ่มนี้ต้องการเลี้ยงสุนัข ควรนำไปอยู่ในที่ๆ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น เพราะคนที่เอาข้าวให้สุนัขก็เท่ากับเป็นเจ้าของสุนัข