น้ำโขงแห้งเหลือแค่เมตรเดียว รอยพระพุทธบาท 2,000 ปี โผล่ชัดที่สุดในรอบสิบปี
(9 ธ.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ จ.นครพนม ในช่วงนี้ภัยแล้ง ยังส่งผลกระทบต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำโขงมีปริมาณต่ำสุดในรอบหลายปี ล่าสุดอยู่ที่ระดับประมาณ 1 เมตร ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี เนื่องจากมีการเก็บกักน้ำของเขื่อนประเทศจีน บวกกับปีนี้ปริมาณฝนต่ำกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณน้ำโขงลดลงอย่างรวดเร็ว และมีระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมาถึง 2-3 เท่าตัว จากปกติในช่วงเดือนธันวาคม ปีเดียวกันระดับน้ำโขง จะอยู่ที่ระดับประมาณ 6-7 เมตร แต่ปีนี้มีระดับแค่ประมาณ 1 เมตร
นอกจากนี้ยังเกิดปรากฎการณ์ธรรมชาติ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คือ น้ำโขงกลายเป็นสีครามคล้ายทะเล บวกกับเกิดสันดอนทราย เป็นพื้นที่กว้างหลายจุด เริ่มส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่ เริ่มขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภค และทำให้ลำน้ำสาขาสายหลัก มีปริมาณน้อยกว่าทุกปี คาดว่าในช่วงฤดูแล้งปีนี้ มีความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบแล้งวิกฤติ รวมถึงส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ พันธุ์ปลาเสี่ยงสูญพันธุ์ เนื่องจากปริมาณน้ำโขงต่ำ ทำให้กระแสน้ำนิ่งไม่ไหลเชี่ยวตามธรรมชาติ จนเกิดการตกตะกอน เปลี่ยนสี กระทบต่อระบบนิเวศน์ตามมา
เช่นเดียวกันกับพื้นที่ บริเวณ หน้าวัดบ้านเวินพระบาท ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ถือเป็นอีกจุดสำคัญที่พบเห็นความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำโขงลดลงอย่างรวดเร็ว จนทำให้พบเห็นโขดหิน โผล่ขึ้นเหนือน้ำชัดเจนหลายจุด รวมถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ใต้น้ำโขง คือ รอยพระพุทธบาทศักดิ์สิทธิ์กลางน้ำโขง อายุราว 2,000 ปี ที่จารึกบนโขดหินกลางน้ำโขง และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกบันทึกไว้ในหนังสือใบลานตำนานพระอุรังคธาตุ สมัยสร้างพระธาตุพนมรุ่นแรก หรือกว่า 2,500 ปี มาแล้ว ที่ระบุไว้ว่า ครั้งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลังตรัสรู้ เดินทางมาเผยแพร่พระธรรมในชมภูทวีปลุ่มน้ำโขงล่องมาตามลำแม่น้ำโขง ได้มีเหล่าพญานาคใต้เมืองบาดาล และพญาปลาปากคำ ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาได้แปลงลายนิมนต์พระองค์ลงไปแสดงธรรมใต้บาดาล และก่อนที่พระองค์จะเสด็จขึ้นมาโลกมนุษย์เหล่าพญานาค และพญาปลาปากคำ ได้ร้องขอพระพุทธเจ้า ประทับรอยพระบาทไว้บนโขดหินแห่งนี้ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แทนพระองค์ไหว้กราบบูชา จึงได้ปรากฏเห็นถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ โขดหินรอยพระพุทธบาทศักดิ์สิทธิ์ ดังกล่าว จะสามารถมองเห็นและได้มีโอกาสกราบไหว้ขอพร ได้เฉพาะในช่วง เดือนมีนาคม – เดือนเมษายน เท่านั้น แต่ปีนี้ นอกจากจะโผล่เหนือน้ำเร็วกว่าทุกปี ยังมีความชัดเจน จนเริ่มเห็นฐานของโขดหิน ทำให้มีประชาชน นักท่องเที่ยว ต่างทยอยเดินทางไปกราบไหว้ขอพร ตามประเพณีความเชื่อ และถ่ายภาพเป็นที่ระลึก โดยทางวัดบ้านเวินพระบาท ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน ร่วมกับเทศบาลตำบลเวินพระบาท และชุมชน ร่วมกันจัดสร้างสะพานเชื่อมไปยังโขดหินที่โผล่กลางน้ำ ให้ประชาชน นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้ ชื่นชมใกล้ชิด และจะมีการจัดงานท่องเที่ยว สรงน้ำในช่วงฤดูแล้ง ประเพณีสงกรานต์ เดือนเมษายน ของทุกปี ซึ่งปรากฏการณ์น้ำโขงแห้งเร็วผิดธรรมชาติ ถือเป็นตัวชี้วัดทางธรรมชาติ ที่เป็นตัวบ่งชี้ว่าปีนี้มีความเสี่ยงที่จะเกิดภัยแล้งรุนแรง กว่าทุกปี
ด้าน นายประเสริฐ มังคละคีรี อายุ 60 ปี บ้านเวินพระบาท หมู่ 1 ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เปิดเผยว่า ยอมรับว่าปีนี้ระดับน้ำโขงผันผวนมากที่สุดในรอบหลาย 10 ปี บางช่วงระดับน้ำโขงเพิ่ม บางวันลดระดับเกือบเมตร ที่สำคัญปีนี้แปลกใจมาก สีน้ำโขงเป็นสีครามเข้มมาก คล้ายทะเล เชื่อว่าเกิดจะน้ำโขงตกตะกอน กระแสน้ำนิ่งไม่ไหลเชี่ยวตามธรรมชาติ จุดสำคัญคือ บริเวณโขดหินต่างๆ รวมถึง รอยพระพุทธบาทศักดิ์สิทธิ์กลางน้ำโขง อายุราว 2,000 ปี โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำเร็วกว่าทุกปี และมองเห็นได้ชัดเจน จนถึงฐานโขดหิน ถือว่าแปลกมาก จากปกติจะโผล่ช่วงฤดูแล้ง เดือนมีนาคม – เมษายน ช่วงสงกรานต์ แต่ปีนี้โผล่ขึ้นเร็ว สิ่งสำคัญที่กังวลคือ ภัยแล้ง หากระดับน้ำโขงลดต่อเนื่อง เชื่อว่าสิ่งที่ตามมาคือบางพื้นที่ขาดน้ำการเกษตร ไปจนถึงอาชีพประมงหาปลาน้ำโขง กระทบแน่นอน พันธุ์ปลาต่างๆ เสี่ยงสูญพันธุ์ เพราะปลาจะขึ้นไปวางไข่ต้นน้ำยาก ซึ่งยังต้องเฝ้าติดตาม ว่าจะเกิดผลกระทบอะไรตามมาต่อเนื่อง เพราะปีนี้ระดับน้ำโขงผิดธรรมชาติกว่าทุกปี