ไปถึงขั้นนี้แล้ว! จีนใช้ผู้พิพากษา AI ตัดสินคดีดิจิทัลแทนมนุษย์ ตัดสินไปแล้ว 3.1 ล้านคดี

ไปถึงขั้นนี้แล้ว! จีนใช้ผู้พิพากษา AI ตัดสินคดีดิจิทัลแทนมนุษย์ ตัดสินไปแล้ว 3.1 ล้านคดี

ไปถึงขั้นนี้แล้ว! จีนใช้ผู้พิพากษา AI ตัดสินคดีดิจิทัลแทนมนุษย์ ตัดสินไปแล้ว 3.1 ล้านคดี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลประชาชนสูงสุดของจีน เผยผลสรุปการทำงานของศาลไซเบอร์ในเมืองหางโจว พบว่าศาลแห่งนี้ช่วยรับเรื่อง พิจารณาและไต่สวนคดีดิจิทัลทั่วประเทศไปแล้วกว่า 3.1 ล้านคดี นับตั้งแต่เดือน มี.ค.-ต.ค.2019 ที่ผ่านมา โดยอาศัยเทคโนโลยีสื่อสารผ่านแอปพลิเคชันในโทรศัพท์สมาร์ตโฟน เช่น WeChat เป็นช่องทางให้โจทก์และจำเลยยื่นเอกสาร รวมถึงรับฟังการไต่สวน-พิจารณาคดีโดยไม่ต้องเดินทางไปยังศาลจริง

นอกจากนี้ ศาลไซเบอร์ยังใช้เทคโนโลยี "บล็อกเชน" ในกระบวนการรับคำร้อง รวมถึงการยื่นเอกสารและหลักฐานประกอบการไต่สวนคดี ซึ่งช่วยให้ขั้นตอนต่างๆ ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ทั้งยังบันทึกข้อมูลการพิจารณาคดีของผู้พิพากษาปัญญาประดิษฐ์ที่มีต่อโจทก์และจำเลยอย่างละเอียด สามารถตรวจสอบข้อมูลภายหลังได้ จึงถูกยกย่องว่าเป็นการส่งเสริมความโปร่งใส ยกระดับกระบวนการยุติธรรมให้เข้ากับโลกยุคใหม่

หนี่เต๋อเฟิง รองประธานศาลอินเทอร์เน็ตของจีน ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ ซึ่งได้รับเชิญเข้าสังเกตการณ์การพิจารณาคดีของศาลไซเบอร์เมื่อต้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า "การปิดคดีอย่างรวดเร็วเป็นความยุติธรรมอย่างหนึ่ง เพราะความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความอยุติธรรม"  

ปัจจุบัน ประเทศจีนมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตกว่า 850 ล้านคน ธุรกิจอีคอมเมิร์ซขยายตัวอย่างรวดเร็ว และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คดีความไซเบอร์เพิ่มจำนวนขึ้น โดยคดีที่ถูกยื่นต่อศาลไซเบอร์ส่วนใหญ่ เกี่ยวข้องกับคดีละเมิดลิขสิทธิ์ในสื่อออนไลน์ ข้อพิพาททางการค้าในธุรกิจออนไลน์ รวมถึงการขัดแย้งกันเรื่องสินค้าที่วางจำหน่ายในเว็บไซต์ด้านอีคอมเมิร์ซทั่วประเทศ

ผู้ที่ต้องการยื่นฟ้องในคดีที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัล สามารถลงทะเบียนต่อศาลไซเบอร์ผ่านทางแอปพลิเคชันสมาร์ตโฟนต่างๆ ได้ จากนั้นผู้ลงทะเบียนจะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนการยื่นฟ้อง-ดำเนินคดี รวมถึงการส่งหลักฐานและเอกสารประกอบ จากนั้นจะมีการส่งข้อความนัดหมายผู้เกี่ยวข้องในคดีมาให้ปากคำ โดยใช้เทคโนโลยีสื่อสารผ่านวิโอคอลล์

หลังจากนั้น ผู้พิพากษาที่เป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จะไต่สวนและพิพากษาคดีตามข้อมูลที่ได้รับ แต่ก็ยังมีผู้พิพากษาที่เป็นมนุษย์คอยให้คำปรึกษาและตรวจสอบกระบวนการตัดสินอีกต่อหนึ่ง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ยื่นเรื่องทั้งสองฝ่ายจะได้รับความเป็นธรรม แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้พิพากษาเอไอสามารถพิจารณาและปิดคดีได้ด้วยตัวเอง ทั้งยังสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง และ 7 วันต่อสัปดาห์

ทั้งนี้ ศาลไซเบอร์ในเมืองหางโจว ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2017 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดภาระงานของบุคลากรที่เป็นคนจริงๆ ในกระบวนการยุติธรรม และสาเหตุที่ตั้งศาลที่เมืองหางโจว เพราะเมืองนี้เป็นศูนย์กลางการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลที่ขึ้นชื่อเป็นอันดับต้นๆ ของจีน ทั้งยังตอบสนองความมุ่งมั่นของจีนที่ต้องการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของโลก 

ปัจจุบัน รัฐบาลกลางของจีนได้ขยายขอบเขตการดำเนินงานของศาลไซเบอร์ไปยังเมืองและเขตปกครองอื่นๆ ในอีก 12 มณฑลทั่วประเทศ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook