ครม.อนุมัติโยกวงเงิน 262 ล้านบาท จากชิมช้อปใช้กระเป๋า 1 ไปใช้ในกระเป๋า 2

ครม.อนุมัติโยกวงเงิน 262 ล้านบาท จากชิมช้อปใช้กระเป๋า 1 ไปใช้ในกระเป๋า 2

ครม.อนุมัติโยกวงเงิน 262 ล้านบาท จากชิมช้อปใช้กระเป๋า 1 ไปใช้ในกระเป๋า 2
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 17 ธ.ค. 2562 มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอขอเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้งบประมาณวงเงินสิทธิ์ในการซื้อสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการส่งเสริม "ชิมช้อปใช้" (มาตรการส่งเสริมฯ) และมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ "ชิมช้อปใช้" (มาตรการส่งเสริมการบริโภคฯ) g-Wallet ช่อง 1 ซึ่งมีงบประมาณคงเหลือจำนวน 262,003,000 บาท เป็นเงินชดเชยค่าซื้อสินค้าและบริการผ่าน g-Wallet ช่อง 2 แทน

เนื่องจากกระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการชิมช้อปใช้ว่าในกระเป๋าช่องที่ 1 ว่ามีการใช้เงินไปแล้วทั้งหมด 11,737.997 ล้านบาท จากวงเงินที่ขออนุมัติจากครม.ไป 12,000 ล้านบาท ทำให้กระเป๋าที่ 1 มีเงินคงเหลือ 262 ล้านบาท กระทรวงการคลังจึงเสนอขออนุมัติเพื่อให้ใช้วงเงินส่วนนี้สำหรับเป็นเงินค่าชดเชยสินค้าและบริการในกระเป๋าช่องที่ 2 เนื่องจากมีผู้ใช้เงินในช่องที่ 2 เพิ่มมากขึ้น โดยตัวเลขล่าสุด (17 ธ.ค.2562) มีการใช้เกิน 13,000 ล้านบาทไปแล้ว ดังนั้น ครม.จึงอนุมัติตามที่มีการเสนอ

สำหรับมาตรการส่งเสริมฯ และมาตรการส่งเสริมการบริโภคฯ เป็นการให้สิทธิประโยชน์แก่ประชาชนสัญชาติไทยที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในวันลงทะเบียน และมีบัตรประจำตัวประชาชน รวมจำนวนไม่เกิน 15 ล้านคน (มาตรการส่งเสริมฯ ไม่เกิน 10 ล้านคน และมาตรการส่งเสริมการบริโภคฯ ไม่เกิน 5 ล้านคน) โดยผู้ลงทะเบียนจะได้รับสิทธิประโยชน์ เพื่อการใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยวในจังหวัดที่เลือกที่ไม่ใช่จังหวัดตามทะเบียนบ้าน ผ่าน g-Wallet

โดยรัฐบาลสนับสนุนวงเงินสำหรับบัญชี g-Wallet ช่อง 1 จำนวน 1,000 บาท ต่อคน เพื่อเป็นสิทธิ์ในการซื้อสินค้าและบริการในจังหวัดที่เลือกไว้เมื่อตอนลงทะเบียนกับผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการส่งเสริมฯ และมาตรการส่งเสริมการบริโภคฯ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กรมบัญชีกลางกำหนด และติดตั้งแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" เฉพาะผู้ได้รับสิทธิ์ตามมาตรการส่งเสริมฯ ไม่เกิน 10 ล้านคน ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2562 และผู้ได้รับสิทธิ์ตามมาตรการส่งเสริมการบริโภคฯ ไม่เกิน 3 ล้านคน ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2562

สำหรับผู้ได้รับสิทธิ์ตามมาตรการส่งเสริมการบริโภคฯ ไม่เกิน 2 ล้านคน ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2562 จะไม่ได้รับวงเงินสนับสนุนดังกล่าว

ส่วนกรณีที่ผู้ลงทะเบียนเติมเงินเข้าบัญชี g-Wallet ช่อง 2 เพื่อใช้จ่ายค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่าที่พัก รวมถึงบริการต่าง ๆ ตามปกติของที่พักนั้น ค่าซื้อสินค้าท้องถิ่น ค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าประชารัฐ หรือค่าบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวในท้องถิ่นนั้น เช่น สปา การเช่าพาหนะ ค่าบริการนำเที่ยวในพื้นที่ เป็นต้น ในจังหวัดที่ไม่ใช่จังหวัดตามทะเบียนบ้านกับผู้ประกอบการร้านค้าที่ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการส่งเสริมฯ และมาตรการส่งเสริมการบริโภคฯ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กรมบัญชีกลางกำหนด และติดตั้งแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" รัฐบาลจะสนับสนุนเงินชดเชยเข้าบัญชี g-Wallet ช่อง 2 ดังนี้

เงินชดเชยเป็นจำนวนเท่ากับร้อยละ 15 ของยอดชำระเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,500 บาทต่อคน (วงเงินใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน)

เงินชดเชยเป็นจำนวนเท่ากับร้อยละ 20 ของยอดชำระเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,000 บาทต่อคน สำหรับวงเงินใช้จ่ายในส่วนที่เกิน 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000 บาทต่อคน (วงเงินใช้จ่ายไม่เกิน 20,000 บาทต่อคน)

นอกจากนี้ ยังมีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2562 ในส่วนมาตรการส่งเสริมการบริโภคฯ เพิ่มเติม โดย ครม. เห็นชอบให้การใช้จ่ายค่าสินค้าและบริการผ่าน g-Wallet ช่อง 2 ตามมาตรการส่งเสริมฯ และมาตรการส่งเสริมการบริโภคฯ ให้สามารถใช้จ่ายได้ทุกจังหวัด รวมทั้งจังหวัดตามทะเบียนบ้านโดยให้รวมถึงค่าบริการแพ็กเกจที่พักพร้อมการเดินทางหรือบริการที่เกี่ยวเนื่อง ตลอดจนค่าสินค้าและบริการผ่านระบบที่ตรวจสอบการทำธุรกรรมได้ ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังกำหนด

ทั้งนี้ มาตรการส่งเสริมฯ และมาตรการส่งเสริมการบริโภคฯ จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ม.ค. 2563 ซึ่งกระทรวงการคลังได้กำหนดเงื่อนไขการจ่ายเงินชดเชย โดยประชาชนที่มีการใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 2 ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. – 30 พ.ย. 2562 ได้รับเงินชดเชยภายในเดือน ธ.ค. 2562 ส่วนการใช้จ่ายเงินเดือน ธ.ค. 2562 ได้รับเงินชดเชยภายในเดือนม.ค. 2563 และการใช้จ่ายในเดือนม.ค. 2563 ได้รับเงินชดเชยภายในเดือนก.พ. 2563

สำหรับความคืบหน้าการดำเนินมาตรการส่งเสริมฯ และมาตรการส่งเสริมการบริโภคฯ (ณ 10 ธ.ค. 2562) มีผู้ได้รับสิทธิ์ 14,354,159 ราย โดยมีผู้ใช้สิทธิ์รวมเป็นจำนวน 11,787,584 ราย มียอดการใช้จ่ายทั้งสิ้น 21,546 ล้านบาท

ด้านการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้รับจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 10,000,000,000 บาท และเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ไปพลางก่อน งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 2,000,000,000 บาท รวมทั้งสิ้นจำนวน 12,000,000,000 บาท โดยให้กรมบัญชีกลางเป็นผู้อนุมัติและดำเนินการแทนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยผ่านวิธีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณแทนกัน ซึ่งผลการเบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการส่งเสริมฯ และมาตรการส่งเสริมการบริโภคฯ จากการใช้จ่ายของประชาชนผ่าน g-Wallet ช่อง 1 ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. – 30 พ.ย. 2562 เป็นเงินทั้งสิ้น 11,737,997,000 บาท ซึ่งจะทำให้มีเงินคงเหลือจำนวนทั้งสิ้น 262,003,000 บาท

>> ชิมช้อปใช้ เผยยอดใช้จ่าย 11,794 ล้านบาท ย้ำ! 20 ธ.ค. นี้ เริ่มจับรางวัลมอบโชคใหญ่

>> ชิมช้อปใช้ จ่ายเงินคืนรอบแรกแล้ว 384 ล้านบาท ให้ผู้ใช้สิทธิ์กว่า 150,000 คน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook