เปิดใจภรรยาผู้เสียชีวิต ในบ้านลัทธิ "หมออ้อย" เผย ติดต่อสามีไม่ได้ รู้อีกทีก็ตายแล้ว
จากกรณี สภ.เมืองนครนายก เข้าตรวจสอบพบศพ นายสรวุฒิ เดชทวี อายุ 62 ปี ชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อทำการชันสูตรเบื้องต้น คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7 วัน และภายในบ้านก็มีผู้หญิงพักอาศัยอยู่อีก 3 คน โดยอ้างว่าเป็นลัทธิรักษาโรค และทำการสวดขอพรพระเจ้าให้ผู้ตายฟื้นคืนชีพ ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้ว
>> ตร.บุกบ้าน ลัทธิ "หมออ้อย" เก็บศพในบ้านเช่าร่วมครึ่งเดือน สวดภาวนาขอพระเจ้าให้คืนชีพ
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้าน ในอำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อไปพบกับ นางณัฐนันท์ กิตติโชคอารีนนท์ อายุ 55 ปี ภรรยาของ นายสรวุฒิ ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเองและสามีอยู่กินกันมาประมาณ 10 ปี มีอาชีพปลูกไม้ดอก ไม้ประดับและอาชีพรับจ้างทั่วไป สามีได้ป่วยเป็นโรคต่อมลูกหมากโตมาประมาณ 1 ปีกว่า และตนได้พาไปรักษาตามโรงพยาบาล จนได้มารู้จักกับเพื่อนบ้านว่า มีสถานรับรักษา แถว จ.นครนายก ตนจึงได้พาสามีไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยการรักษาในครั้งนั้น สามีได้นอนรักษา เป็นเวลา 8 วันโดยวิธีรักษาจิตบำบัด โดยได้มาเยี่ยมและเห็นว่าสามี ดูอาการไม่ค่อยดี จึงได้พากลับมาอยู่ที่บ้าน ไม่กี่วันสามีก็ป่วยหนัก จึงพาไปรักษาที่โรงพยาบาล แต่อาการไม่ดีขึ้น ทางโรงพยาบาลได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา และต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลกว่า 1 เดือน จึงอาการดีขึ้น และหมอให้กลับมาอยู่ที่บ้าน
ตนได้บอกกับสามีว่าไม่ต้องกลับไปรักษาที่บ้านหลังดังกล่าว ใน จ.นครนายกแล้ว ให้รอผ่าตัดต่อมลูกหมาก แต่สามีไม่เชื่อ และบอกว่าจะกลับไปรักษา ที่ บ้านลัทธิดังกล่าวเหมือนเดิม ตนจึงเกิดความน้อยใจ
จนเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา สามีได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน ไปที่ อำเภอภาชี และได้ฝากรถจักรยานยนต์ไว้ที่นั่น ก่อนจะนั่งรถตู้ไปที่จังหวัดนครนายก เพื่อไปรักษาตัว จากนั้นเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ตนโทรศัพท์ไปหาสามี แต่ฟังเสียงสามีแล้ว อาหารไม่ค่อยจะดี พูดเหมือนเหนื่อยตลอดเวลา หลังจากนั้นวันนั้น ก็ไม่สามารถติดต่อกับสามีได้อีกเลย รวมทั้งติดต่อเจ้าหน้าที่ ที่ดูแลอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวไม่ได้ด้วย
จนกระทั่งเมื่อวานนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์มาหา และแจ้งว่าสามีได้เสียชีวิตแล้ว ตนก็ตกใจ คิดไม่ถึงว่าสามีที่ร่างกายแข็งแรงขึ้นมาแล้ว ต้องมาเสียชีวิตลง ตนเสียใจอย่างมาก เพราะตอนที่สามีมีชีวิตอยู่นั้น เป็นคนดีไม่ดื่มเหล้า ไม่เที่ยว เป็นคนรักครอบครัว
ส่วนเรื่องงานศพนั้น ตนและญาติของสามีจะเดินทางไปรับผู้เสียชีวิตในวันที่ 19 ธันวาคม ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ จ.ปทุมธานี จากนั้นก็จะทำการเผาเลยโดยไม่มีพิธีสวด ส่วนเรื่องคดีนั้นตนไม่ติดใจในการเสียชีวิต ปล่อยให้เป็นไปตามหน้าที่ของ เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป