เปิดใจภรรยาผู้เสียชีวิต ในบ้านลัทธิ "หมออ้อย" เผย ติดต่อสามีไม่ได้ รู้อีกทีก็ตายแล้ว

เปิดใจภรรยาผู้เสียชีวิต ในบ้านลัทธิ "หมออ้อย" เผย ติดต่อสามีไม่ได้ รู้อีกทีก็ตายแล้ว

เปิดใจภรรยาผู้เสียชีวิต ในบ้านลัทธิ "หมออ้อย" เผย ติดต่อสามีไม่ได้ รู้อีกทีก็ตายแล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณี สภ.เมืองนครนายก เข้าตรวจสอบพบศพ นายสรวุฒิ เดชทวี อายุ 62 ปี  ชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อทำการชันสูตรเบื้องต้น คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7 วัน และภายในบ้านก็มีผู้หญิงพักอาศัยอยู่อีก 3 คน โดยอ้างว่าเป็นลัทธิรักษาโรค และทำการสวดขอพรพระเจ้าให้ผู้ตายฟื้นคืนชีพ ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้ว

>> ตร.บุกบ้าน ลัทธิ "หมออ้อย" เก็บศพในบ้านเช่าร่วมครึ่งเดือน สวดภาวนาขอพระเจ้าให้คืนชีพ

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้าน ในอำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อไปพบกับ นางณัฐนันท์ กิตติโชคอารีนนท์ อายุ 55 ปี ภรรยาของ นายสรวุฒิ ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเองและสามีอยู่กินกันมาประมาณ 10 ปี มีอาชีพปลูกไม้ดอก ไม้ประดับและอาชีพรับจ้างทั่วไป สามีได้ป่วยเป็นโรคต่อมลูกหมากโตมาประมาณ 1 ปีกว่า และตนได้พาไปรักษาตามโรงพยาบาล จนได้มารู้จักกับเพื่อนบ้านว่า มีสถานรับรักษา แถว จ.นครนายก ตนจึงได้พาสามีไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยการรักษาในครั้งนั้น สามีได้นอนรักษา เป็นเวลา 8 วันโดยวิธีรักษาจิตบำบัด  โดยได้มาเยี่ยมและเห็นว่าสามี ดูอาการไม่ค่อยดี จึงได้พากลับมาอยู่ที่บ้าน ไม่กี่วันสามีก็ป่วยหนัก จึงพาไปรักษาที่โรงพยาบาล แต่อาการไม่ดีขึ้น ทางโรงพยาบาลได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา และต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลกว่า 1 เดือน จึงอาการดีขึ้น และหมอให้กลับมาอยู่ที่บ้าน

ตนได้บอกกับสามีว่าไม่ต้องกลับไปรักษาที่บ้านหลังดังกล่าว ใน จ.นครนายกแล้ว ให้รอผ่าตัดต่อมลูกหมาก แต่สามีไม่เชื่อ และบอกว่าจะกลับไปรักษา ที่ บ้านลัทธิดังกล่าวเหมือนเดิม ตนจึงเกิดความน้อยใจ

จนเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา สามีได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน ไปที่ อำเภอภาชี และได้ฝากรถจักรยานยนต์ไว้ที่นั่น ก่อนจะนั่งรถตู้ไปที่จังหวัดนครนายก เพื่อไปรักษาตัว จากนั้นเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ตนโทรศัพท์ไปหาสามี แต่ฟังเสียงสามีแล้ว อาหารไม่ค่อยจะดี พูดเหมือนเหนื่อยตลอดเวลา หลังจากนั้นวันนั้น ก็ไม่สามารถติดต่อกับสามีได้อีกเลย รวมทั้งติดต่อเจ้าหน้าที่ ที่ดูแลอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวไม่ได้ด้วย

จนกระทั่งเมื่อวานนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์มาหา และแจ้งว่าสามีได้เสียชีวิตแล้ว ตนก็ตกใจ คิดไม่ถึงว่าสามีที่ร่างกายแข็งแรงขึ้นมาแล้ว ต้องมาเสียชีวิตลง ตนเสียใจอย่างมาก เพราะตอนที่สามีมีชีวิตอยู่นั้น เป็นคนดีไม่ดื่มเหล้า ไม่เที่ยว เป็นคนรักครอบครัว 

ส่วนเรื่องงานศพนั้น ตนและญาติของสามีจะเดินทางไปรับผู้เสียชีวิตในวันที่ 19 ธันวาคม ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ จ.ปทุมธานี จากนั้นก็จะทำการเผาเลยโดยไม่มีพิธีสวด ส่วนเรื่องคดีนั้นตนไม่ติดใจในการเสียชีวิต ปล่อยให้เป็นไปตามหน้าที่ของ เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook