รู้หรือไม่ อังกฤษใช้รักบี้สร้างสุภาพบุรุษ ยุค 200 ปีก่อน ปลูกฝังนิสัยยุติธรรมจากการเล่นกีฬา
สุภาพบุรุษอังกฤษเป็นคำกล่าวขานถึงผู้ชายอังกฤษที่สุภาพ ผึ่งผาย พูดจานอบน้อมให้เกียรติต่อผู้อื่น และคุณสมบัติสำคัญที่สุดของสุภาพบุรุษอังกฤษคือ ต้องไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่นโดยมีคติประจำใจเป็นภาษาอังกฤษว่า “Fair play” แปลว่า “การเล่นอย่างยุติธรรม, พฤติกรรมที่เที่ยงธรรม, การตัดสินอย่างยุติธรรม”
ดังนั้นการที่ผู้ชายคนใดได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสุภาพบุรุษอังกฤษ จึงถือเป็นการนิยมชมชื่นและสรรเสริญอยู่ในตัวเพราะเป็นคุณสมบัติที่พึงปรารถนาของสังคม
มีโรงเรียนประเภทหนึ่งของประเทศอังกฤษเรียกว่า “พับลิคสกูล (Public school)” เป็นโรงเรียนประจำของเด็กผู้ชายล้วน ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นโรงเรียนที่สร้างสุภาพบุรุษอังกฤษมีทั้งหมด 24 โรงเรียน เช่น โรงเรียนอีตัน แฮร์โรว์, รักบี้, ชโรสเบอรี, บรอมส์โกรฟ ฯลฯ บรรดาโรงเรียนเหล่านี้เน้นใช้กีฬารักบี้ฟุตบอลเป็นหลักในการสร้างเยาวชนชายให้เติบโตขึ้นเป็นสุภาพบุรุษอังกฤษด้วยการปลูกฝัง “Fair Play” เนื่องจากคำแปลหลักของ Fair Play คือการเล่นอย่างยุติธรรมนั่นเอง
รักบี้ฟุตบอลหรือที่เรียกกันว่า รักบี้ เป็นกีฬาชนิดหนึ่ง ถือกำเนิดขึ้นจากโรงเรียนรักบี้ ในเมืองรักบี้ เขตวอร์วิกเชียร์ ประเทศอังกฤษ เริ่มต้นจากในปี พ.ศ. 2369 โดยขณะนั้นมีการแข่งขันฟุตบอลภายในโรงเรียนรักบี้ ซึ่งตั้งอยู่ ณ เมืองรักบี้ ประเทศอังกฤษ ผู้เล่นคนหนึ่งชื่อ นายวิลเลียม เวบบ์ เอลลิส วิ่งอุ้มลูกบอลซึ่งตัวเขาเองไม่ได้เป็นผู้เล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู และได้วิ่งอุ้มลูกบอลไปจนถึงเส้นประตูฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าเขาจะจงใจหรือไม่ก็ตามเขาก็ได้ทำผิดกติกาการเล่นฟุตบอลที่ไม่ให้ใช้มือจับลูกบอลแต่ก็เป็นเรื่องที่สนุกสนานตลกขบขันกันไป แต่การเล่นที่นอกลู่นอกทางของเขาถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายในหมู่ผู้เล่นและผู้ดูจนแพร่กระจายไปตามโรงเรียนต่างๆ ในอังกฤษ เพราะกติกาที่แปลกประหลาดของกีฬาฟุตบอลที่เรียกเล่นๆ ว่า เป็นกีฬาของคนแขนด้วน ทำให้บรรดานักศึกษาของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ได้นำเอาวิธีการเล่นของ นายวิลเลียม เวบบ์ เอลลีส ไปจัดการแข่งขันโดยเรียกชื่อเกมชนิดใหม่นี้ว่า รักบี้เกมส์ (Rugby Games)
iStockหลังจากนั้นก็เป็นที่นิยมเล่นกันมากขึ้น ทั้งได้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขการเล่นเรื่อยมาในประเทศอังกฤษจนเป็นกีฬามาตรฐาน ใน พ.ศ. 2366 (ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ต่อมากีฬารักบี้ก็แพร่ไปถึงสหรัฐอเมริกาจนได้รับความนิยมในบรรดานักศึกษามหาวิทยาลัยอเมริกันอย่างรวดเร็ว และมีการดัดแปลงกติกาการเล่นไปเป็นอเมริกันฟุตบอลซึ่งเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว
ที่ว่ากีฬารักบี้ฟุตบอลเป็นเกมส์กีฬาที่สร้างสุภาพบุรุษอังกฤษนั้น ก็เพราะว่ารักบี้ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ใช้คนเล่นมาก คือ แบ่งออกเป็นสองฝ่ายๆ ละ 15 คน เนื่องจากรักบี้เป็นกีฬาที่มีการปะทะด้วยกำลังและความรวดเร็วคล่องแคล่วว่องไว เป็นกีฬาที่หนักในเกมส์มีการเข้าสกรัม การแท็กเกิ้ล การเข้าแถวเพื่อกระโดดแย่งลูกรักบี้ และรักบี้เป็นกีฬาที่ต้องใช้การวางแผนยุทธศาสตร์และต้องใช้ยุทธวิธีหลากหลายของทั้งทีมและของเฉพาะตัวผู้เล่นแต่ละบุคคลด้วย รวมทั้งต้องมีการประสานงานให้เหมาะเจาะจึงจะนำไปสู่ชัยชนะได้
นอกจากนี้ กฎกติกาที่หยุมหยิมมากมาย อาทิ ห้ามส่งลูกให้แก่กันไปข้างหน้าต้องส่งไปทางข้างหลังเท่านั้น ห้ามแท็กเกิ้ล (คือการพุ่งตัวเข้าจับฝ่ายตรงข้าม) คนที่ไม่ได้ครองลูกอยู่ในขณะนั้น ฯลฯ
ที่สำคัญที่สุดคือ การเล่นรักบี้นั้นเล่นสกปรกได้ง่ายที่สุดเนื่องจากมีนักกีฬาอยู่ในสนามถึง 30 คนและมีการเล่นชุลมุนบ่อยครั้งโดยเฉพาะตอนเข้าสกรัม (การใช้นักรักบี้กองหน้าข้างละ 8 คนดันกันเพื่อแย่งลูกรักบี้กัน) โดยมีกรรมการอยู่คนเดียวกับผู้ช่วยที่กำกับเส้นอีก 2 คนเท่านั้น จึงสามารถเล่นสกปรกได้อย่างสะดวกด้วยการชกหมัดสั้น เตะหน้าแข้ง ใช้นิ้วทิ่มลูกตาหรือกระทืบผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามที่เสียหลักล้มลงไป ฯลฯ ซึ่งกรรมการก็มักจะจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แต่ผู้เล่นรักบี้ในสนามจะรู้ซึ้งถึงนิสัยของผู้เล่นรักบี้ด้วยกันเลยว่า ใครเป็นสุภาพบุรุษ ใครเป็นกุ๊ย จากเกมส์การเล่นรักบี้ 80 นาทีได้อย่างชัดแจ้ง
ดังนั้น กีฬารักบี้จึงเป็นกีฬาของสุภาพบุรุษเนื่องจากสามารถแบ่งแยกสุภาพบุรุษกับกุ๊ยได้ง่ายและชัดแจ้ง โดยผู้เล่นจะทราบถึงนิสัยใจคอความประพฤติของผู้เล่นคนอื่นได้จากการเล่นรักบี้นั่นเอง จึงสมกับเป็นกีฬาที่สร้างสุภาพบุรุษอย่างแท้จริง