มือยิงกันตายหน้าศาลเยาวชนฯ จ.สงขลา สารภาพปมแค่มองหน้า

2 ผู้ต้องหายิงหนุ่มหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสงขลาเสียชีวิต รับสารภาพสาเหตุเพียงแค่มองหน้ากัน

ความคืบหน้าเหตุการณ์ยิงกันหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสงขลา ถนนชลาทัศน์ เลียบชายหาดชลาทัศน์แหลมสมิหลา เขตเทศบาลนครสงขลา เมื่อช่วงตี 2 ที่ผ่านมาทำให้ นายปรเมศวร์ อายุ 22 ปี เสียชีวิต โดยคนร้ายกระหน่ำยิงด้วยอาวุธปืน 99 มม. หมดแม็ก กระสุนถูกเข้าหน้าท้อง 3 นัด หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายมองหน้ากันแล้วมีเรื่อง และนัดกันมาเคลียร์ที่เกิดเหตุ

โดยคนตายเพิ่งออกจากสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.สงขลา มาได้เพียง 8 วัน และผู้ต้องหาทั้งสองคนได้แก่ นายวรฉัตร อายุ 22 ปี หรือ มิน ซึ่งเป็นคนยิง และนายณัฐวุฒิ อายุ 23 ปี หรือ โอ๊ต ได้เข้ามอบตัวแล้ว

>> นัดเคลียร์คู่อริ คุยกันไม่ลงตัว ชักปืนยิงกันหน้าศาล จ.สงขลา เสียชีวิต 1 ราย

ล่าสุด (21 ธ.ค.) เมื่อเวลา 23.00 น. ทาง พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผบก.ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ได้เข้าสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองคนด้วยตัวเอง พร้อมกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองคนได้รับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง

และได้นำตัวนายนายณัฐวุฒิ อายุ 23 ปี หรือโอ๊ต ไปตรวจค้นอาวุธมือที่ใช้ก่อเหตุ นายโอ๊ต ให้การว่าหลังจากก่อเหตุแล้วได้นำอาวุธปืนไปฝากไว้ที่บ้านญาติในเขตเทศนครสงขลา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถยึดเอาไว้ได้

ผู้ต้องหาทั้งสองคนยังให้การอีกว่า สาเหตุมาจากการที่ทั้งสองฝ่ายมองหน้ากันและมีเรื่องกันในร้านอาหาร จนมานัดเคลียร์กันที่บริเวณด้านหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวสงขลาแต่ไม่สามารถเคลียร์กันได้จนเป็นเหตุให้เกิดการยิงกันขึ้น

และหลังก่อเหตุทั้งคู่หนีไปจังหวัดพัทลุง แต่ทนแรงกดดันจากเจ้าหน้าที่ไหวและได้ติดต่อเข้ามอบตัวโดยนายโอ๊ต เดินทางมามอบตัวที่ สภ.เมืองสงขลา ส่วนนายมิน มือปืนมอบตัวที่ สภ.รัตภูมิ

พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผบก.ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา กล่าวว่าคดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบของกลุ่มวัยรุ่นที่มีการมองหน้ากันและนัดมาเคลียร์ปัญหากัน แต่สุดท้ายไม่สามารถเคลียร์กันได้จนมีการยิงกันขึ้น โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมของกลางทั้งหมดได้แล้วทั้งอาวุธมือ และรถ จยย. ที่ใช้ก่อเหตุ

เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีอุฉกรรจ์ และกลัวความปลอดภัยของทั้งสองฝ่าย ซึ่งไม่ทราบว่ายังมีอะไรค้างคาใจกันอีกหรือไม่