ผู้ก่อตั้งเปิดใจ "เพลินวาน" ไม่ได้เจ๊ง แค่ปรับรับการเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรฮิตตลอดกาล
หลังจากมีกระแสข่าวการปิดตัวของ เพลินวาน แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต หนึ่งในแลนด์มาร์กหัวหิน โดยจะเปิดบริการวันสุดท้ายในวันที่ 31 มกราคม 2563 พร้อมกับข่าวทนพิษเศรษฐกิจไม่ไหวจนต้องปิดกิจการ
>> "เพลินวาน" ที่เที่ยวชื่อดังเมืองหัวหิน เตรียมปิดกิจการสิ้น ม.ค. 63 อ้างพิษเศรษฐกิจ
>> เพลินวาน ปิดตัวไปไม่เป็นไร แต่ยังมี “วนชัย กรุ๊ป” อาณาจักรใหญ่อยู่นะ
TheBangkokInsight ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “ภัทรา สหวัฒน์” ผู้ก่อตั้งเพลินวาน ถึงที่มาที่ไปของการตัดสินใจปิดให้บริการเพลินวานครั้งนี้ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นการปิดตำนาน เพลินวาน หัวหิน ก็ว่าได้
“ไม่อยากให้โยงถึงเรื่องเศรษฐกิจ เพราะเพลินวานไม่ได้ขาดทุนจนถึงต้องปิดกิจการ”
ภัทรา สหวัฒน์ ผู้สร้างตำนานเพลินวาน เปิดใจพร้อมกับเล่าว่า เพลินวานเปิดให้บริการลูกค้ามา 10 ปี และใช้เวลาก่อสร้างก่อนหน้านั้น 2 ปี จึงเรียกได้ว่ามีอายุมานานถึง 12 ปี ซึ่งตลอด 12 ปีที่ผ่านมา จะบอกว่าไม่ดีคงไม่ได้ เพราะในช่วงแรกนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมเพลินวานแตะหลักแสนคน
แต่เพราะการทำธุรกิจ ต้องยอมรับว่า มีขึ้นและมีลง เป็นวัฏจักร และทุกครั้งมีอยู่ในช่วงขาลง ก็ยังมีโอกาสให้เห็นอยู่เสมอ ซึ่งตนเองและทีมงานมองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะปรับเปลี่ยนตัวเอง ทิ้งรูปแบบเดิมๆ กรอบเดิมๆ เพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ก่อนที่จะไปต่อไม่ได้ในอนาคต และเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ทันแล้ว
ทั้งนี้ ภัทรา ยืนยันชัดเจนว่า เพลินวานไม่ได้ปิดเพราะขาดทุน เนื่องจากที่ดินกว่า 3 ไร่ที่ตั้งเพลินวานก็เป็นที่ดินของครอบครัว ธุรกิจครอบครัวเป็นธุรกิจเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างอยู่แล้ว ทำให้ไม่ได้ต้องแบกรับต้นทุนอะไรมากมาย มีเพียงค่าแรงพนักงานประมาณ 80 คน รายได้ที่มีจากการเช่าก็สามารถอยู่ได้
แต่สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ตัดสินใจปิดกิจการ มาจากการที่ลูกค้าเปลี่ยน ตลาดเปลี่ยน มีการนำดาต้ามาพิจารณาอย่างรอบคอบ และปรึกษาหารือกับทีมงานมานับปี ทำให้เห็นภาพว่า จากอดีตที่มีลูกค้าเรือนแสน ลดลงมาเหลือหลักหมื่น ต้องไม่รอจนเหลือหลักพัน สู้เปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้เพื่อหาโมเดลธุรกิจใหม่ๆ มาตอบโจทย์ลูกค้าจะเป็นโอกาสที่เหมาะสมมากกว่า
“ยุคนี้ ไม่มีลูกค้าที่เป็นแฟนพันธุ์แท้หรือแฟนคลับที่เหนียวแน่น นิรันดร์กาล ไม่มีอะไรฮิตตลอดกาล ในฐานะของธุรกิจ เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องปรับให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ต้องเปลี่ยนตัวเองก่อนที่ตลาดจะมาเปลี่ยนเรา”
อย่างไรก็ตาม แม้จะยังเปิดเผยถึงโมเดลธุรกิจใหม่ไม่ได้ แต่ภัทรายืนยันว่าจะยังคงเดิมคือ แก่นของพื้นฐานความเป็นไทย และเป็นการพัฒนาเพื่อสังคม เช่นที่เพลินวานทำมา เห็นได้จากการทำเพลินวาน หัวหิน ที่ให้ร้านค้าดั้งเดิม เอสเอ็มอี เข้ามาเช่าพื้นที่ แม้แต่ที่จอดรถที่ลูกค้าบ่นว่าแพง เพลินวานก็ไม่ได้เป็นคนจัดเก็บ แต่ยกประโยชน์ให้เจ้าของพื้นที่ดำเนินการเอง
ส่วนรายละเอียดของโครงการใหม่ที่จะพัฒนานั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการคิดรูปแบบ ซึ่งบอกได้เพียงว่า จะไม่ใช่โมเดลที่ทำเพื่อการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นภาพใหม่ที่เกิดขึ้น โดยจะเห็นภาพที่ชัดเจนได้ในปีหน้า และจะเปลี่ยนสถานที่ใหม่ ส่วนร้านเพลินวานพาณิชย์ ที่เป็นร้านอาหารรูปแบบเพลินวาน จะย้ายไปอยู่ทำเลในเมืองหัวหิน หลังจากปิดเพลินวานในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563
ภัทราย้ำว่า การปิดให้บริการของเพลินวานวันนี้ ไม่ได้หมายความว่าขาดทุน หรือหัวหินไม่น่าเที่ยว เพราะหัวหินยังคงมีอะไรน่าค้นหา น่าท่องเที่ยวอีกมาก แต่เป็นธรรมดาของธุรกิจที่ต้องปรับ เมื่อตลาดเปลี่ยนไป เพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ๆ นั่นเอง