บุคคลในข่าวแห่งปี 2019

บุคคลในข่าวแห่งปี 2019

บุคคลในข่าวแห่งปี 2019
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปี 2562 หรือ 2019 ที่กำลังผ่านพ้นไป ถือเป็นอีกปีที่มีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ก้าวเข้าสู่ปี 2563 หรือ 2020 (เลขสวยมากมาย) Sanook News เลยขอรวบรวมบุคคลในข่าวแห่งปีมาให้ได้นึกถึงผลงานของพวกเขาเหล่านี้กัน จะมีใครกันบ้างมาดูกันเลย

ปารีณา ไกรคุปต์

เชื่อเหลือเกินว่าการจัดอันดับบุคคลในข่าวแห่งปีตามสื่อต่างๆ ในบ้านเราจะต้องมีชื่อของ เอ๋ ปารีณา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากจังหวัดราชบุรี อย่างแน่นอน เพราะในรอบขวบปีที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลังผ่านการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม จนทำให้บ้านเรามี ส.ส. เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 5 ปี

ที่นอกจากจะเป็นการแสดงออกถึงการกลับเข้าสู่เส้นทางแห่งประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่งแล้วนั้น อีกสิ่งหนึ่งที่มาควบคู่กันก็คือ ความเคลื่อนไหวอย่างคึกคักของบรรดานักการเมืองผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย ประกอบกับในยุคนี้มี "อนาคตใหม่" พรรคการเมืองน้องใหม่ที่มากไปด้วยสีสันและกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง แต่ในทางตรงกันข้ามก็เป็นพรรคที่หลายคนหลายฝ่ายมีความเคลือบแคลงสงสัยในแนวคิดและตัวตนของแกนนำพรรคว่ามีวาระซ่อนเร้นอะไรอยู่หรือไม่

ปารีณา ไกรคุปต์ปารีณา ไกรคุปต์

ปารีณา ไกรคุปต์ คือบุคคลที่ลุกขึ้นมาตอบโต้ รวมถึงการปะฉะเดือดกับพรรคอนาคตใหม่อย่างต่อเนื่อง ชนิดที่หลายครั้งก็พัวพันติดพันไปถึงบรรดาแฟนคลับหรือผู้สนับสนุนพรรคน้องใหม่มาแรงด้วยเช่นกัน แถมไปๆ มาๆ ยังมีการขยายวงไปเปิดศึกกับแกนนำฝ่ายค้านเบอร์ใหญ่อย่าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย อีกต่างหาก

ถือได้ว่าเป็นบุคคลในข่าวที่สร้างสีสันและความเคลื่อนไหวได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2562 เลยทีเดียว

มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์

หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ Sanook News ขอยกให้เป็นบุคคลในข่าวแห่งปี เพราะต้องยอมรับว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ เต้ 007 หรือ อ.เต้ ผู้นี้ปรากฏตัวเป็นข่าวทีไรมักจะกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ทุกทีไป

mongkolkit-profileมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์

ไม่ว่าจะด้วยบุคลิกของเจ้าตัว หรือแม้แต่เนื้อหาแนวคิดในการนำเสนอที่บางครั้งออกจะล่อแหลม หมิ่นเหม่ หรือแม้แต่ชวนวิพากษ์วิจารณ์ จึงทำให้ เต้ มงคลกิตติ์ กลายเป็นนักการเมืองที่ยึดพื้นที่ข่าวของปีนี้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล

ใครเลยจะคาดคิดว่านายตำรวจหนุ่มอนาคตไกล เจ้าของฉายา "บิ๊กโจ๊ก" จะต้องเผชิญชะตากรรมแบบที่เป็นอยู่ในเวลานี้ ย้อนกลับไปเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 5 เม.ย. มีข่าวลือกระฉ่อนทั่วเมืองว่า บิ๊กโจ๊ก ที่ ณ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ถูกเด้งฟ้าผ่าออกจากตำแหน่ง ก่อนที่ในวันรุ่งขึ้นจะมีเอกสารคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ลงนามโดย "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาลพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล

แล้วจากนั้นในวันที่ 9 เม.ย. ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็มีมติโอน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ปฏิบัติราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) เป็น ข้าราชการพลเรือน สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมๆ กับที่มีคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ใช้ประกาศิต ม.44 ให้ บิ๊กโจ๊ก พ้นจากข้าราชการตำรวจไปเป็นข้าราชการพลเรือน ในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

จากวันนั้นถึงวันนี้ ผ่านมากว่าครึ่งปีแล้วแต่ก็ยังไม่มีใครทราบเหตุผลที่แน่ชัดว่าเหตุใดนายตำรวจหนุ่มที่หลายต่อหลายคนเชื่อว่ามีโอกาสที่จะก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งของสำนักปทุมวัน จะต้องมีชีวิตพลิกผันแบบนี้

บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์

เจ้าของฉายา "กู้ภัยใจพระ" ที่สมาคมนักข่าวบันเทิงมอบให้ในปีนี้นั้น แทนตัวตนของดารานักแสดงหนุ่มใหญ่ที่ชื่อ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเมื่อครั้งที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ใน จ.อุบลราชธานี ราวๆ เดือนกันยายนที่ผ่านมา

ดาราหนุ่มหัวใจสาธารณะรายนี้ได้ลงพื้นที่ช่วยผู้ประสบภัยจนได้เห็นความตกทุกข์ได้ยากของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จึงประกาศขอรับเงินบริจาคผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จนเบ็ดเสร็จได้เงินเข้าบัญชีไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนพี่น้องประชาชนประมาณ 422 ล้านบาท

บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์

แม้จะมีดราม่าเป็นของแถม ทั้งเรื่องความโปร่งใสในการใช้เงินที่รับบริจาคมา ไปจนถึงการที่คนในรัฐบาลหรือบรรดาแฟนคลับคนรักลุงตู่จะมองว่าเป็นการขโมยซีนการให้ความช่วยเหลือของภาครัฐก็ตาม

แต่ก็ต้องถือว่า บิณฑ์ เป็นหนึ่งในบุคคลในข่าวแห่งปี 2562 อย่างแท้จริง

รัชเดช วงศ์ทะบุตร

อีกหนึ่งบุคคลที่ช่วงที่เป็นข่าวนั้นกลายเป็นจุดสนใจของสังคมเอามากๆ เนื่องจาก ไออุ่น รัชเดช พริตตี้บอยผู้นี้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ ลันลาเบล-ธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ พริตตี้ชื่อดังวัย 25 ปี ซึ่งเสียชีวิตอย่างกะทันหันเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 17 ก.ย. โดยนอนเสียชีวิตอยู่บนโซฟา หน้าล็อบบี้คอนโดแห่งหนึ่ง ย่านดาวคะนอง เขตธนบุรี กทม.

ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว เนื่องจากมีข้อสงสัยมากมายว่าการเสียชีวิตของ ลันลาเบล เกิดขึ้นจากสาเหตุใด เพราะก่อนจะสิ้นใจ พริตตี้สาวรับงานไปเอนเตอร์เทนต์ในงานปารตี้ที่บ้านหลังหนึ่งย่านบางบัวทอง

น้ำอุ่น พริตตี้บอยน้ำอุ่น พริตตี้บอย

จนท้ายที่สุดมีการออกหมายจับทั้งไออุ่นและบุคคลที่อยู่ในงานปาร์ตี้ดังกล่าว แต่เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่า ไออุ่น ได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการปล่อยตัวนายรัชเดชแล้ว โดยเจ้าตัวโพสต์ลงเฟซบุ๊กหลังได้รับอิสรภาพว่าขอบคุณทุกกำลังใจ พร้อมเรียนรู้ข้อผิดพลาดเพื่อแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น

หนุ่มแว่นหัวร้อน

กลายเป็นบุคคลที่โด่งดังจากวีรกรรมกระฉ่อนทั่วโลกออนไลน์ เมื่อหนุ่มแว่นขับเก๋งป้ายแดงไปประสบอุบัติเหตุชนกับรถอีกคันหนึ่ง แล้วเจ้าตัวก็ลงมาด่ากราดไปทุกสิ่งอย่างแถมลามไปถึงเรื่องราวที่ย่ำยีคนไทยจำนวนมาก

เมื่อคลิปที่หนุ่มหัวร้อนระเบิดคำพูดดูหมิ่นคนไทยแพร่กระจายไปทั่วโซเชียลมีเดีย บริษัทต้นสังกัดมีคำสั่งไล่ออกหนุ่มแว่นคนดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่ารับไม่ได้กับการใช้คำพูดและแสดงกิริยาก้าวร้าวรุนแรง รวมถึงหมิ่นประเทศไทยและสถาบันกษัตริย์

หนุ่มแว่นหัวร้อนหนุ่มแว่นหัวร้อน

ในเวลาต่อมา หนุ่มแว่นหัวร้อนโพสต์เฟซบุ๊กขอโทษและสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป พร้อมกับขอร้องว่าอย่าไปพาดพิงถึงบุพการีและคนรัก

นอกจากบุคคลดังกล่าวข้างต้นแล้ว ในรอบปีนี้ก็ยังมีอีกหลายคนที่ปรากฏตัวเป็นข่าวครั้งใดก็เรียกเสียงฮือฮาและได้รับความสนใจอยู่เสมอ อาทิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นต้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook