ยังผวา! "แจ็ค ไรเดอร์" หนักสุดในชีวิต ติดเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อคน เกือบต้องตัดขาทิ้ง
ถึงกับออกปากเองเลยว่า "เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง" สำหรับดีเจหนุ่มอารมณ์ดี แจ็ค ไรเดอร์ หลังเจ้าตัวต้องเผชิญกับวิกฤตสุขภาพครั้งใหญ่ เมื่อบังเอิญถูกแมลงกัดบริเวณต้นขาขณะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งภายหลังแผลดังกล่าวมีอาการอักเสบรุนแรง เนื่องจากมีภาวะติดเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อคน จึงเป็นเหตุให้ต้องเร่งทำการรักษาโดยด่วน
โดยล่าสุดนอกจาก แจ็ค ไรเดอร์ จะออกมาแชร์ประสบการณ์การรักษาตัว และเผยความรู้สึกของตัวเองในช่วงเวลาแห่งความเสี่ยงที่อาจจะต้องถูกตัดขาให้เราฟังแล้ว เจ้าตัวก็ยังอัปเดตสุขภาพให้แฟนๆ ที่ติดตามข่าวได้โล่งอกด้วยว่า ถึงแม้ตอนนี้จะยังรู้สึกตึงและเจ็บบริเวณแผลอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าหลายๆ อย่างดีขึ้นมากกว่าเดิมเยอะเลยทีเดียว
"เรื่องโรคหาย 100 เปอร์เซ็นต์แล้วครับ แต่ก็ยังมีอาการเจ็บแผลอยู่บ้าง มีอาการตึงอยู่บ้างเนื่องจากว่ามันไม่มีหนัง มันมีแค่ผิวบางๆ ปิดแผลเอาไว้เฉยๆ ซึ่งคุณหมอบอกว่าน่าจะใช้เวลาเป็นปีกว่าจะเริ่มคุ้นชิน ส่วนสภาพแผลตอนนี้ เอ่อ...ถ้าหากผมสามารถแก้ผ้าให้ดูได้ผมจะแก้ให้ดูเลยนะ เพราะมันดูแย่มากจริงๆ แต่มันก็ตื้นขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่ลักษณะของมันเหมือนกับแผลเป็นขนาดใหญ่ สีมันจะแย่ๆ ช้ำๆ ดูไม่เป็นปกติเลย"
ความรุนแรงของอาการมันรุนแรงขนาดไหนตอนที่เราเห็นครั้งแรก ?
"ตอนเห็นครั้งแรกผมหงายหลังบนเตียงเลยครับ เพราะผมสำหรับการผ่าตัดครั้งแรกผมถือว่าใหญ่มาก ขนาดมันเท่ากับฝ่ามือหนึ่งเลย แถมยังลึกไปถึงกล้ามเนื้ออีก ช่วงนั้นต้องทำแผลทุกวัน นอนอยู่กับกองน้ำเหลืองทุกวัน จำนวนครั้งในการผ่าตัดเบ็ดเสร็จแล้วทั้งหมดก็ 3 รอบ แต่ว่า 2 รอบแรกคือหนักจริง ยิ่งรอบ 2 นี่หมดเลยใต้ท้องขา"
ตอนนั้นมันมีโอกาสแค่ไหนที่เราอาจจะต้องตัดขา ?
"มีโอกาสแน่นอนครับ เพราะตอนที่ผมเป็นมันเป็นหนักจริงๆ มันติดเชื้อหมดแล้ว วินาทีแรกที่หมอเห็นแผล หมอพูดเลยว่า 'เป็นมากกว่าที่หมอคิดอีก' ตอนนั้นความเสี่ยงที่หมอให้ก็คือ ถ้าหากแย่สุดก็อาจจะต้องตัดขา แต่หลังจากที่หมอให้ยาฆ่าเชื้อคืนแรกและรอยแดงไม่หยุด หมอก็เลยตัดสินใจว่าให้ผ่าตัดทันที มันก็เลยทำให้เชื้อหยุดลงได้ครับ"
ระยะเวลาในการรักษาตัวยาวนานแค่ไหน ?
"60 วันครับ หรือ 2 เดือนเต็มๆ ซึ่งในช่วงนั้นผมต้องอยู่แต่ในโรงพยาบาลเพียงอย่างเดียวไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้เลย การใช้ชีวิตมันลำบากมากครับ ขนาดนั่งเข้าห้องน้ำยังต้องนั่งเอียงๆ ไม่ให้แผลมันโดน"
ค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวเป็นยังไงบ้าง ?
"เอ่อ...ประมาณ 1,300,000 บาท เกือบ 1,400,000 บาทครับ แต่ก็ได้ประกันช่วย โชคดีจริงๆ ครับที่ตัดสินใจทำประกันก่อนหน้านั้นได้ไม่นาน ซึ่งผมจ่ายส่วนต่างแค่ประมาณ 1,700 กว่าบาท ในส่วนที่ประกันไม่ครอบคลุมครับ"
เราโล่งใจไหมตอนที่ทราบว่าจะไม่โดนตัดขา ?
"ผมโล่งตั้งแต่วันที่หมอบอกว่า หมอคุมเชื้ออยู่แล้วครับ (ยิ้ม) เพราะก่อนหน้านั้นผมใจเสียจริงๆ แต่ไม่ถึงกับซึมเศร้านะ แค่จิตตกทุกครั้งที่มองแผล ถามตัวเองตลอดเลยว่ามาถึงจุดนี้ได้ยังไง"
ทุกวันนี้เวลาเห็นรอยยุงกัดหรือรอยแผลต่างๆ มันทำให้เราระแวงไหม ?
"เป็นครับเป็น คือทุกวันนี้เวลาผมเป็นแผลไม่ว่าจะเล็กใหญ่แค่ไหน ผมจะรีบล้างแผลฆ่าเชื้อทันทีเลย และก็จะพกพลาสเตอร์ยาติดตัวตลอด เพราะผมเรียนรู้มาว่าบาดแผลของเราไม่ว่าจะเล็กใหญ่ มันมีโอกาสติดเชื้อเท่ากันหมด"
ทางด้านของคุณหมอได้ให้คำแนะนำเราในการดูแลตัวเองยังไงบ้าง ?
"คุณหมอแนะคำแค่อย่างเดียวก็คือ อย่ากลับไปอ้วนอีก เพราะตอนนี้น้ำหนักตัวผมลดลงมาเกือบ 10 กิโลกรัม (หัวเราะ) ส่วนเรื่องไปหาหมอเพื่อรีเช็ก เอ่อ...จริงๆ ถ้าเป็นในส่วนของการทำกายภาพบำบัดก็ไม่ต้องทำแล้วครับ ไม่ต้องล้างแผลแล้ว แต่ว่าอีก 2 เดือน ก็มีนัดเข้าไปให้คุณหมอดูแผลอีกรอบ"
ความมั่นใจของเรายังมั่นใจอยู่ไหมถ้าต้องใส่กางเกงขาสั้น ?
"จริงๆ ผมมั่นใจนะ แต่ผมเกรงใจคนที่เขาเห็นแผลของผมและอาจจะตกใจมากกว่า เพราะมันเป็นแผลทั้ง 2 ฝั่งเลย ฝั่งหนึ่งเป็นแผลติดเชื้อ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งคือแผลจากการเอาเนื้อออกมาแปะ ก็กลัวคนจะตกใจถ้าเห็น"
ตอนนี้กลายเป็นกูรูไปแล้ว เวลาใครมีแผลมีตุ่มอะไรก็จะถามเราคนแรก ?
"ใช่ครับ ตอนนี้ทุกคนกังวลหมด แต่ผมถือว่าเป็นเรื่องดีนะที่กังวล เพราะขาเราต้องใช้เดินใช้ทำงาน ผมก็อยากฝากให้เป็นอุทาหรณ์เลยละกัน ฝากให้หมั่นดูแลอาการของตัวเองไม่ว่าจะภายในหรือภายนอก เพราะหากร่างกายเราส่งสัญญาณเตือนอะไรมาและเราใส่ใจมันน้อย มันก็อาจจะก้าวไปสู่การเป็นอะไรหนักๆ ได้"
ปีใหม่ล้างซวยไปเลย ?
"อย่าว่าแต่ล้างซวยเลยครับ เพราะก้าวแรกที่ผมเดินออกจากโรงพยาบาล ผมรู้สึกเลยว่าเหมือนผมได้เกิดใหม่ ทั้งอาการ ทั้งงาน หลายๆ อย่างมันดีขึ้น"
ได้มีโอกาสไปทำบุญบ้างหรือยัง ?
"ทำบุญครับทำบุญ ต้องทำบุญ และอีกเรื่องหนึ่งก็คือผมยังรู้สึกขอบคุณนะ ขอบคุณที่ผมยังมีโอกาสที่ดีกว่าคนอื่น และไม่ต้องก้าวเข้าไปสู่ในจุดที่มันแย่ที่สุด เหมือนว่าในความโชคร้ายมันก็ยังมีความโชคดีหลายๆ อย่างอยู่ด้วย ถือว่าเป็นช่วงที่เกิดใหม่เหมือนกันครับ"
เหตุการณ์นี้มันให้อะไรเราบ้าง เพราะชีวิตเกือบต้องเปลี่ยนไปสู่อีกทิศทาง ?
"ถ้าวันนั้นขาขาดไปนึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ ครับ นึกไม่ออกเลยว่าการที่ตัวเองต้องใช้ขาเทียมมันเป็นยังไง แต่ก็ถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมมันก็เหมือนเป็นการแบ่งบุญแบ่งกุศลกัน เนื่องจากตั้งแต่มีสื่อมวลชนพูดถึงเรื่องนี้คนก็เข้ามารับการรักษากันเร็วขึ้น จากที่เข้ามาในจังหวะที่อาจจะต้องถึงขั้นตัดขาแล้ว ก็อาจจะไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้"
>> "โรคเนื้อเน่า-แบคทีเรียกินเนื้อคน" ระบาดหน้าฝน เสี่ยงเสียอวัยวะ-ชีวิต
>> "แจ็ค ไรเดอร์" เฉียดตายถูกแมลงกัด-ติดเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อคน หวิดตัดขาพิการตลอดชีวิต
>> ช็อกเลย! "ดีเจแจ็คไรเดอร์" แค่ถูกแมลงกัดขา ลุกลามจนต้องผ่าตัด เพราะแผลติดเชื้อรุงแรง
อัลบั้มภาพ 15 ภาพ