"ยุ้ย ปัทมวรรณ" อัปเดตอาการป่วยแม่ทุม เผยค่ารักษาไม่เคยนับเพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญ

"ยุ้ย ปัทมวรรณ" อัปเดตอาการป่วยแม่ทุม เผยค่ารักษาไม่เคยนับเพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญ

"ยุ้ย ปัทมวรรณ" อัปเดตอาการป่วยแม่ทุม เผยค่ารักษาไม่เคยนับเพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เปิดใจ ยุ้ย ปัทมวรรณ ในรายการคุยแซ่บ Show ทางช่อง One31 ที่มี กิ๊ฟ วรรธนะ และ ใบเฟิร์น พัสกร เป็นพิธีกร หลังโพสต์ภาพจับมือ คุณแม่ปทุมวดี เค้ามูลคดี พร้อมอัปเดตอาการคุณแม่หลังนอนป่วยรักษาตัวจากโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงมานานกว่า 7 ปี เผยค่ารักษาไม่เคยนับเพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญที่ต้องโฟกัส

อาการคุณแม่ตอนนี้เป็นยังไง

ยุ้ย : "ก็ถือว่าทรงๆ ถ้าไม่ได้ติดเชื้ออะไรเพิ่มเติมก็จะยังทรงๆ อยู่แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีติดเชื้อก็จะมีทรุดลงไป แต่ด้วยระยะของโรคที่คุณแม่เป็นมันก็ค่อนข้างนานมากแล้วก็อาจจะมีค่อยๆ อ่อนแรงลงเรื่อยๆ"

แม่ทุมป่วยมานานเท่าไหร่แล้ว ?

ยุ้ย : "นานมาก เฉพาะตั้งแต่รู้ว่าเป็นโรค ALS ก็ 7 ปีแล้ว ก่อนหน้านั้นที่เรายังไม่ทราบอีก" 

ล่าสุดเห็นโพสต์รูปที่เป็นการจับมือเป็นมือของแม่ทุมเหตุการณ์นั้นเป็นยังไง ?

ยุ้ย : "คือจริงๆ ยุ้ยโพสต์รูปจับมือคุณแม่บ่อย แต่ว่าวันนั้นเหมือนเป็นวันที่พาน้องพริมเข้าไป แล้วพริมมี่เข้าไม่ค่อยได้เข้าไปหาคุณแม่เพราะในไอซียูเขาไม่ค่อยให้เด็กเข้าไปเท่าไหร่ พอพริมมี่เข้าไปเหมือนแม่ทำหน้าจะร้องไห้หลายรอบมาก เวลาน้องพริมพูดกับคุณแม่ก็เหมือนคุณแม่รับรู้จากที่ทุกคนถามว่าคุณแม่ยังรับรู้มั้ย เราก็มั่นใจว่าคุณแม่ยังรับรู้ แต่พอวันนั้นเรามั่นใจได้เลยว่าคุณแม่ยังรับรู้อยู่ แล้วก็ให้คุณแม่ดูรูปในโทรศัพท์ตอนที่น้องพริมเล็กๆ นั่งตักคุณแม่คุณแม่เขาเห็นรูปแล้วเขาก็เหมือนมีปฏิกิริยาแล้วน้องพริมก็พูดอีกว่าตอนนี้น้องพริมโตแล้วนะคะ ตอนนี้น้องพริมอยู่นี่นะคะ"

เราเป็นคุณแม่ด้วยแล้วก็เป็นคุณลูกของแม่ทุมด้วยเห็นภาพแล้วรู้สึกยังไง ?

ยุ้ย : "วันนั้นยุ้ยคือกลั้นมาก กลั้นแล้วรู้สึกว่าแม่หนูอยากคุยกับแม่เยอะมาก คือถ้าแม่อยู่ที่บ้านเหมือนเดิมแข็งแรงเหมือนเดิมช่วยกันเลี้ยงน้องพริมมันคงสนุกมากกว่านี้ ขนาดน้องพริมไม่ได้เจอคุณยายนานแล้วน้องพริมก็ยังคิดถึงคุณยายอยู่ ปกติเวลาใครไปหาคุณแม่จะบอกทุกคนว่าอย่านำเพราะว่าเราเก็บอยู่ข้างในไม่ค่อยอยากร้องไห้ให้แม่เห็น ครั้งนั้นก็คือกลั้นสุดๆ"

วันนั้นคุยอะไรกับคุณยายทุมหนูจำได้มั้ย ?

พริมมี่ : "หนูจำได้แค่หนูบอกว่าหนูโตแล้วนะคะ คุณยายกลับมาเร็วๆ นะคะ"

แล้วหนูเห็นอาการของคุณยายมั้ยคุณยายเขาเป็นยังไงบ้าง ?

พริมมี่ : "คุณยายยิ้มค่ะ"

ดีใจมั้ยที่เห็นรอยยิ้มของคุณยาย

พริมมี่ : "ดีใจมากเลยค่ะ" 

ต้องถามย้อนไปว่าคุณแม่ป่วยเป็น ALS กล้ามเนื้ออ่อนแรงอาการของโรคเป็นยังไง ?

ยุ้ย : "จริงๆ แล้วกล้ามเนื้ออ่อนแรงมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับระบบประสาทที่ส่งผลต่อกล้ามเนื้อซึ่งผู้ป่วยแต่ละคนจะมีอาการแสดงออกเริ่มต้นแตกต่างกันไป อาการก็จะค่อยๆ อ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ คุณหมออธิบายว่าตรงนี้มันเป็นเซลล์ประสาทตัวแม่มันตายแล้วเซลล์เล็กเซลส์น้อยมันก็ต้องตายตามเหมือนโรงไฟฟ้าโรงใหญ่ที่ดับไฟดวงเล็กดวงน้อยสุดท้ายก็ต้องทยอยดับ"

อาการแรกเริ่มของแม่ทุมก่อนไปพบคุณหมอส่งสัญญาณอะไรบ้าง ?

ยุ้ย : "คุณแม่ไม่ค่อยมีแรง คุณแม่จะอ่อนแรงขาแล้วก็จะเรียกคนนวดทั้งวัน ตอนนั้นลูกๆก็ยังไม่เข้าใจว่าแม่ทำไม่ต้องเรียกเขานวดบ่อยขนาดนี้คือข้างในแม่เค้าคงจะอ่อนแรงมาก แล้วพอหนักๆก็จะเรื่องของการหายใจ

พอเรารู้ว่าคุณแม่ป่วยคนในบ้านรู้สึกยังไงกันบ้าง ?

ยุ้ย : "คือจริงๆ ก่อนที่จะรู้ก็ป่วยมาตลอดเราคิดว่ามีแค่ไทรอยด์เวลาไปรักษาไทรอยด์แล้วเหมือนมันไม่จบมันมีอะไรอีกจนมาเจอว่าเป็นอันนี้ได้คุยกับคุณหมอเขาก็อธบายให้เข้าใจว่าโรคนี้มันเป็นยังไงระยะเวลาโดยเฉลี่ยแล้ว 3-5 ปี เพราะว่าโรคนี้ไม่มีสาเหตุไม่มีทางรักษา วันนั้นเราฟังกับคุณพ่อแล้วรู้สึกว่าคือมันแย่มากในใจเราแต่เรายังไม่ได้มาคุยเรื่องนี้กันต่อเราก็ต้องทำให้คุณพ่อมีความสุขด้วยก็ค่อยๆ คิดค่อยๆหาทางกันต่อไปยังโชคดีที่เรามีความเข้าใจกับโรคที่คุณแม่เป็นว่ามันจะเป็นแบบนี้นะแล้วมันจะมีระยะเวลาอยู่เท่านี้ คุณหมอบอกว่าไมมีการรักษาต้องประคับประคอง"

แม่ทุมเขามีโอกาสรู้มั้ยว่าเขาเป็นโรคนี้มีอาการแบบนี้ ?

ยุ้ย : "รู้ค่ะ เพราะตอนแรกๆ คุณแม่ยังปกติยังคุยได้แต่ด้วยความค่อยๆ อ่อนแรงลงไปเริ่มหายใจเองไม่ได้ เริ่มขยับไม่ได้ซึ่งตอนนี้ขยับไม่ได้แล้วก็ได้แต่มอง (ยิ้ม)"

คุณแม่ป่วยมา 7 ปีแล้วคนในครอบครัวให้กำลังใจกันยังไง ?

ยุ้ย : "คืออย่างที่บอกว่าเรารู้อยู่แล้วว่าแต่ละคนหนักแค่ไหน ทุกคนก็ไม่อยากจะเอาเรื่องแย่ๆ ออกมาพูดกัน แต่พยายามสร้างพลังบวกให้แก่กัน เพราะยุ้ยรู้สึกว่าทุกคนขาดพลังบวกมากๆเพราะฉะนั้นอะไรที่สร้างได้ก็สร้าง"

พ่อรองน่าจะเป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุดเป็นยังไงบ้าง ?

ยุ้ย : "ตอนแรกคุณพ่อก็เป๋เหมือนกันคือยังโชคดีที่มีน้องพริม คุณพ่ออยู่บ้านเดียวกับยุ้ยเวลาที่น้องพริมไม่อยู่บ้านคุณพ่อก็มีช่วงเหม่อ แต่พอน้องพริมมาก็ไม่มีเวลาเหม่อเพราะว่าน้องพริมชอบเล่นกับคุณตามากจนคุณตานอน ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งกำลังใจ สำหรับยุ้ยมันค่อนข้างยากเหมือนกันในการที่จะทำทุกอย่างให้มันสมดุล เรามีเรื่องเครียดแต่เราก็ต้องสร้างความสุขคนนี้ (พริมมี่) เขาควรที่จะได้ความสุข คุณพ่ออีก บางทีมันก็ยากสำหรับเรา ถ้าเป็นเมื่อก่อนเหมือนคุณแม่จะเป็นคนบอกเราได้ทุกเรื่อง เรารู้สึกว่าเราอยากคุยกับแม่มาก"

เคยเห็นคุณแม่นั่งเศร้ามั้ย ?

พริมมี่ : "หนูเคยเห็นคุณแม่นั่งเศร้า แล้วหนูก็ถามคุณแม่ว่าร้องไห้ทำไม แล้วแม่ก็บอกว่าแม่เหนื่อย หนูก็ไปกอดแม่"

ค่ารักษา 7 ปีผ่านไปค่ารักษาน่าจะสูงพอสมควร ?

ยุ้ย : "เราได้ผ่านจุดที่มันหนักหนามากมาแล้วเพราะก่อนที่จะ 7  ปี คุณแม่ก็ป่วยมาหลายปีเหมือนกันแล้วอยู่โรงพยาบาลเอกชนค่อนข้างเยอะ ซึ่งมันก็หนักมากแต่ไม่เคยคิดว่ามันเป็นจำนวนเท่าไหร่ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาคิดเท่าไหร่ก็คือเท่านั้นจะต้องเสียอะไรยังไงเท่าไหร่ก็สร้างใหม่ แต่โชคดีที่พี่ชายสามารถเบิกได้"

อาการแม่เรา 7 ปีแล้วเคยบ้างมั้ยที่เรารู้สึกว่าท้อใจหรือยอมหรือปล่อยให้มันเป็นไปตามที่ควรจะเป็น ?

ยุ้ย : "ไม่ค่ะ ไม่เคย เห็นว่าเราเข้มแข็งแค่ไหน คนที่เข้มแข็งสุดคือแม่ แม่ไม่ยอมแพ้เราก็ยอมไม่ได้ จะยอมแพ้ได้ยังไงทุกครั้งที่เราไปหาคุณแม่จนถึงวันที่โพสต์รูปคุณแม่ คุณแม่ยังอ้วนท้วน ขาวผ่อง คุณแม่ไม่ได้มีวี่แววจะไม่ไหวแล้ว เราก็เลยรู้สึกว่าคุณแม่ยังสู้ยังยิ้มขนาดนี้เราก็สู้ถึงบอกว่าเวลาไปเยี่ยมพยายามอย่านำเพราะไม่อยากให้ใครร้องไห้ให้คุณแม่เห็นเลย"

7  ปีที่คุณแม่อยู่ในโรงพยาบาลแรกๆ อาจจะสื่อสารได้บ้าง ตอนนี้ไม่ได้เลย เวลาเรามีความรู้สึกในใจหรือเรื่องอะไรเราบอกคุณแม่ยังไง ?

ยุ้ย : "ไม่บอกค่ะ คือไม่เอาเรื่องไม่สบายใจไปให้คุณแม่เลย ไปถึงก็ยิ้มกอดหอม มีแต่พลังบวก คือยุ้ยเป็นคนเก็บแล้วอยู่คนเดียว ไม่ได้ร้องไห้บ่อยด้วยแต่บังเอิญวันนั้นรู้สึกว่ามันเหนื่อยมากแล้วลูกก็เห็นคือจะไม่ค่อยร้องไห้ให้ใครเห็นน้อยมากจริงๆ"

ถ้าหนูโตขึ้นมาจะดูแลแม่ยังไง ?

พริมมี่ : หนูจะดูแลคุณแม่เหมือนที่แม่ดูแลหนู วันนึงถ้าคุณแม่หายดีแล้วออกมาดูรายการย้อนหลังอยากจะบอกอะไรแม่ทุม ?

ยุ้ย : "มันยากมากเลย คือมันเยอะมาก อยากให้แม่กลับบ้าน อยากให้แม่คุยกับเราเหมือนเดิมมันไม่มีใครแล้วที่เราพูดอะไรไปแล้วพร้อมจะให้คำปรึกษาได้โดยไม่ต้องมาแคร์ความรู้สึกเรา ให้คำปรึกษาที่มันใช่เลยโดยที่บางคนจะแคร์ความรู้สึกเราจะไม่พูดตรงๆ"

ก่อนหน้านี้ยุ้ยค่อนข้างเป็นคนโรแมนติกแต่พอแต่งงานมีลูกแล้วมุมนั้นหายไปเลยหรอ ?

ยุ้ย : "หายไปเลย หายไปเยอะมาก แทบจะไม่มีเลยแต่จริงๆ ไม่ได้เป็นเพราะแต่งงานนะ เป็นเพราะโด่ง (หัวเราะ) เขาเป็นคนที่เป็นผู้ชายจริงๆ เขาไม่โรแมนติกเลยจนเราซึมซับ เราก็เริ่มคุ้นชินกับนิสัยนั้นทุกวันนี้ก็ไม่ได้ต้องการอะไรแล้ว"

พี่โด่งมีหน้าที่เยอะมากทั้งดูแลลูก ดูแลแม่ตัวเอง แต่ก็ยังมีเรื่องให้ทะเลาะกันทุกวัน ?

ยุ้ย : "จริงๆไม่ได้ทะเลาะกันเป็นเรื่องเป็นราวหรอกเถียงกันมากกว่าหลักๆเป็นเรื่องลูก บางที่ความคิดเห็นเรื่องลูกอาจจะไม่ตรงกัน จริงๆยุ้ยกับโด่งนิสัยต่างกันมากคนละขั้วเลย จูนกันตั้งแต่เริ่มคบกันจนถึงวันนี้จะ 30 ปีแล้วก็ยังต้องจูนกันอยู่"

เติมความหวานให้กันบ่อยมั้ยในครอบครัว ?

ยุ้ย : "ถ้าว่างก็ไปเที่ยวทั้งครอบครัว คุณพ่อด้วย"

คุณย่า (คุณแม่พี่โด่ง) ก็ป่วยเหมือนกัน ?

ยุ้ย : "เป็นหลายโรค หลักๆ ที่ต้องทำเป็นประจำคือฟอกไต ซึ่งเขาก็จะค่อนข้างหนักไปส่งลูกที่โรงเรียนก็ต้องไปรับแม่ไปฟอกไต แล้วก็ไปรับลูกที่โรงเรียนแล้วก็ไปรับคุณแม่จากโรงพยาบาล"

อยากให้ให้กำลังใจคนที่เจอปัญหาเหมือนกับเรา ?

ยุ้ย : "อย่างที่บอกมันค่อนข้างยากที่เราจะบาลานซ์ทุกอย่างในขณะที่เราต้องสร้างความสุขด้วยแต่เราก็เครียด แต่สิ่งที่จะช่วยเราได้จริงๆก็คือพยายามอยู่ในจุดที่ทำให้เรามีความสุข อะไรก็ตามหรือใครก็ตามที่เราไปอยู่กับเขาหรือไปอยู่ตรงที่นั้นแล้วเรายิ่งทุกข์ ยิ่งลบ พยายามอย่าไปอยู่ตรงนั้น พยายามอยู่กับคนที่ทำให้เรายิ้มได้ บางทีทำให้เราลืมเรื่องทุกข์ๆ ไปได้ ตอนนี้ยุ้ยโชคดีที่มีน้องพริม"

ติดตามรายการคุยแซ่บ Show ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 14.00-15.00 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ "ยุ้ย ปัทมวรรณ" อัปเดตอาการป่วยแม่ทุม เผยค่ารักษาไม่เคยนับเพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook