ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ผูกคอตายในห้องขังโรงพัก สั่งเสียพ่อช่วยดูแลลูกด้วย

วันที่ 27 ธันวาคม 2562 เวลา 09.30 น. ที่สถานีตำรวจภูธรวาปีปทุม อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม เกิดเหตุผู้ต้องขังชายที่รอส่งตัวไปศาล ผูกคอตายภายในห้องขัง สภ.วาปีปทุม โดยสิบเวรที่อยู่ประจำการได้แจ้ง ร.ต.อ.เรืองปิติกร ศรีวรขันธุ์ สารวัตรสอบสวน สภ.วาปีปทุม และแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยวาปีปทุม และแพทย์เวรโรงพยาบาลวาปีปทุมมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยผู้ต้องหาที่ผู้คอตายในห้องขัง ทราบชื่อ คือ นายสุนทร เหล่าสุนา อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ชาว ต.หนองไฮ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม สวมกางเกงขาสั้น 3 ส่วน ลายสีแดง ไม่สวมเสื้อ ใช้เศษผ้าห่มมาต่อกันเป็นเชือกคล้องกับลูกกรง ผูกคอตายกับลูกกรงห้องขัง

ร.ต.อ.เรืองปิติกร ศรีวรขันธุ์ พนักงานสอบสวน สภ.วาปีปทุม เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตถูกคุมขังคดียาเสพติด เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ซึ่งวันนี้มีกำหนดนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดมหาสารคาม เนื่องจากครบเวลาคุมขัง 48 ชั่วโมง โดยในช่วงเช้าเวลา 07.00 น. สิบเวรได้ไปปลุกผู้ตายเพื่อที่จะไปศาล ซึ่งผู้ตายก็ลุกขึ้นไปเตรียมตัว จากนั้นเวลาประมาณ 07.30 น. เจ้าหน้าที่ได้เดินเข้าไปเรียกอีกรอบ ก็พบว่าผู้ต้องหาผูกคอตายแล้ว จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ พร้อมแพทย์เวรมาชันสูตร เบื้องต้นพบว่าผู้ต้องหานำผ้าห่มมาฉีกเป็นชิ้น ก่อนนำไปผูกคอจนเสียชีวิต

ด้านนายถวิล เหล่าสุนา พ่อผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตเป็นลูกชายคนที่ 3 เคยถูกจับคดียาเสพติดมาหลายครั้ง ล่าสุดพึ่งพ้นโทษมาได้ 2 เดือน และถูกจับกุมอีกครั้งเมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อวานตอนเย็นตนได้เดินทางมาเยี่ยมลูกชาย โดยลูกชายบอกตนว่าฝากเลี้ยงลูกด้วย และขอโทษที่ไม่ได้อยู่ด้วยในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งตอนเช้า เจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาบอกว่าลูกชายตนได้ผูกคอเสียชีวิตภายในห้องขัง ตนจึงได้เดินทางมาดูศพดังกล่าว ส่วนเหตุผลการคิดสั้น น่าจะเกิดจากลูกชายเป็นคนขี้น้อยใจ อาจจะมีเรื่องน้อยใจอะไรสักอย่าง ทำให้ผู้คอเสียชีวิตดังกล่าว

ในช่วงแรกตนเองได้ติดใจการเสียชีวิต โดยคิดว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดูแล ทั้งๆ ที่ได้ฝากฝังกับเจ้าหน้าที่ไปแล้ว ว่าให้ช่วยดูแล แต่พอได้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดกล้องวงจรปิดให้ดูพบว่า ลูกชายได้ใช้เวลาเพียง 4-5 นาทีผูกคอตนเองจนเสียชีวิต ในช่วงที่เจ้าหน้าที่ออกมาล้างหน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้ละเลยหน้าที่ แต่เพื่อความสบายใจจะได้นำศพไปผ่าพิสูจน์ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป