พ่อขับรถชนต้นไม้ สละชีวิตตายแทนลูก-หลาน ญาติเชื่อหมาตาบอดรู้เหตุร้ายล่วงหน้า
(3 ม.ค.63) ความคืบหน้าอุบัติเหตุสลดรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ สีเทา-ดำ ซึ่งมีนายอ่อนตาโชคชัย อายุ 52 ปี หนุ่มรับเหมาก่อสร้างเป็นคนขับ เพื่อจะไปส่งลูกสาวอายุ 11 ปี และคนเล็ก 7 ขวบ รวมถึงหลานชายวัย 7 ขวบ ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 1 กิโลเมตร แต่พอขับออกไปได้เพียงประมาณ 600 เมตร รถได้เกิดเสียหลักพุ่งชนอัดก็อปปี้ติดกับต้นไม้ข้างทางเต็มแรง เป็นเหตุให้นายอ่อนตา ผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นคนขับเสียชีวิตติดคาที่ ส่วนลูกสาว 2 คน และหลานชายอีก 1 คนรวม 3 คน ได้รับบาดเจ็บติดภายใน หน่วยกู้ภัยต้อง ใช้เครื่องตัดถ่างช่วยกันงัดออกจากซากรถเพื่อเร่งนำส่งโรงพยาบาล
ล่าสุดญาติได้นำศพนายอ่อนตา พ่อที่เสียชีวิตกลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้านเลขที่ 13 ม.12 ต.ปังกู อ.ประโคนชัย ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว ส่วนลูกสาวคนโตวัย 11 ปีซี่โครงหัก และหลานชายวัย 7 ขวบขาเป็นแผลฉีกขาด ยังอาการสาหัสถูกส่งต่อไปรักษาที่ รพ.บุรีรัมย์ ส่วนลูกสาวคนเล็กวัย 7 ขวบบาดเจ็บเล็กน้อยที่บริเวณศีรษะ และขาด้านขวา หมออนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว แต่ยังอยู่ในอาการหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเห็นพ่อเสียชีวิตไปต่อหน้า
ด้านนายสุนทร อยู่สุข อายุ 62 ปี พ่อตาผู้เสียชีวิต เล่าว่า ลูกชายและลูกเขยไปทำงานรับจ้างก่อสร้างที่ จ.นนทบุรี ประมาณ 2-3 เดือนหรือช่วงเทศกาลก็จะกลับมาเยี่ยมบ้าน ส่วนลูกทั้ง 2 คนตนก็เป็นคนดูแลอยู่ที่บ้าน ปกติตนเองจะเป็นคนขับรถจักรยานยนต์ไปส่งหลานทั้ง 2 คน ไปโรงเรียนเอง เพราะโรงเรียนอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 1 กิโลเมตร แต่พอเวลาที่ลูกเขยกลับมาบ้านก็จะไปรับไปส่งลูกทั้ง 2 คนเอง แต่วันเกิดเหตุเพิ่งจะเปิดเรียนเป็นวันแรกหลังจากหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 5 วัน ซึ่งวันนั้นออกจากบ้านค่อนข้างสายประมาณ 8 โมงเช้าแล้ว ลูกสาวคนโตจึงบอกให้พ่อรีบๆ เพราะถ้าไปสายไม่ทันเข้าแถวโรงเรียนจะทำโทษ จึงคิดว่าลูกเขยอาจจะขับด้วยความเร็วแต่ก็ไม่น่าจะเกิด 80 เพื่อจะเร่งให้ทันโรงเรียน
แต่ด้วยสภาพถนนซึ่งเป็นถนนลูกรังขรุขระ อาจทำให้รถเสียหลักบังคับไม่อยู่พุ่งชนต้นไม้ข้างทางจนเป็นเหตุให้ลูกเขยเสียชีวิตคาที่ และหลาน 3 คนบาดเจ็บ ทันทีที่รู้ว่ารถเกิดอุบัติเหตุก็รีบออกไปดูพอไปเห็นสภาพหลานติดภายในส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ก็สงสารหลานมาก แต่ไม่รู้จะเอาหลานออกมายังไงเพราะรถอัดก็อปปี้ติดกับต้นไม้ต้องรอให้กู้ภัยใช้เครื่องตัดถ่างงัดออก จึงสามารถช่วยหลานออกมาได้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็อยากฝากเป็นอุทาหรณ์กับผู้ใช้รถใช้ถนนว่าอย่าประมาท หรือรีบร้อน เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นหรือเกิดการสูญเสียไปแล้ว ก็ยากที่จะเรียกกลับมาคืนได้
ขณะที่นายบุญรอด ไกรเพชร พ่อของเด็กชาย วัย 7 ขวบที่นั่งไปรถคันดังกล่าวและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย บอกว่า สาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้น่าจะเกิดจากความเร่งรีบและสภาพถนนที่ขรุขระ จนทำให้รถเสียหลัก และคิดว่าผู้ตายได้เสียสละตัวเองเพื่อป้องลูกสาวเพราะจริงๆ แล้วต้นไม้ที่ชนอยู่ริมถนนฝั่งซ้ายที่ลูกสาวนั่ง แต่ผู้เป็นพ่อพอรู้ว่ารถเสียหลักก็น่าจะหักพวงมาลัยหลบออก จนฝั่งที่ตนเองขับอัดก็อปปี้ติดกับต้นไม้จนเสียชีวิต ซึ่งหากไม่หักออกก็อาจจะเป็นลูกสาว
ทั้งนี้ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุก็มีลางบอกเหตุ เพราะสุนัขชื่อว่า “เจ้ามดแดง” ที่ผู้ตายเก็บมาเลี้ยงไว้ซึ่งตาข้างซ้ายบอด ได้เข้าไปนอนข้างเตียงของผู้ตายซึ่งอยู่ในบ้านไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมออก ทั้งที่เมื่อก่อนหมาตัวนี้ไม่เคยเข้าในบ้านเลย และวันเกิดเหตุเจ้ามดแดงก็วิ่งตามรถของผู้ตายไป คล้ายกับอยากจะสื่อสารหรือเตือนอะไรบางอย่าง กระทั่งเกิดเหตุสลดดังกล่าวขึ้น