ตึงเครียด! สหรัฐฯ ส่งทหารเสริม 3,500 นาย ความขัดแย้งทำราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงขึ้น
สถานการณ์ร้อนต่อเนื่อง อเมริกาส่งกำลังพลเสริมทัพ 3,500 นาย ในตะวันออกกลาง พร้อมประกาศเตือนพลเมืองออกนอกพื้นทีทันที
จากรณีสำนักข่าวเดลิเมล์ ของอังกฤษได้รายงานสถานการณ์การโจมตีกองทัพกุดส์ ที่สนามบินอิรัก ตามคำสั่งของนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย รวมถึงนายพลกอเซม สุไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (กองทัพกุดส์) และนายอาบู มาห์ดี อัล-มูฮานดิส แกนนำกลุ่มฮาเชด อัล-าอาบี
โดยสาเหตุการโจมตีนั้น เป็นการตอบโต้ หลังเกิดเหตุการณ์ กองกำลังฮาเชด อัล-ชาอาบี ก่อเหตุวางเพลิงและทำลายสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงแบกแดด เพื่อประท้วงที่สหรัฐโจมตีทางอากาศสังหารหมู่ 25 ศพนักรับกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านสนับสนุน เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.2562 ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด สำนักข่าวไชน่า ซินหัว ได้รายงานว่า สำนักข่าวเอ็นบีซีนิวส์ สื่อท้องถิ่นสหรัฐฯ ได้เปิดเผยรายงานของทางสหรัฐฯตามเวลาท้องถิ่นว่าจะส่งกองกำลังทหารไปประจำยังตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นอีก 3,500 นายในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ หลังดำเนินการโจมตีที่สังหารผู้บัญชาการระดับสูงสุดของอิหร่าน
ทั้งนี้ รายงานระบุว่ากองกำลังจากหน่วยพลร่มที่ 82 (82nd Airborne Division) จะถูกส่งไปประจำยังอิรัก คูเวต และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค โดยกองกำลังบางส่วนจะถูกส่งไปยังคูเวตโดยเร็วที่สุดภายในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้
ขณะเดียวกัน สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงแบกแดดได้ประกาศให้ชาวอเมริกันทุกคนออกจากอิรักทันที
“เนื่องจากความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นในอิรักและภูมิภาค สถานทูตสหรัฐฯ จึงขอประกาศคำแนะนำให้ชาวอเมริกันระมัดระวังการเดินทางในเดือนมกราคม 2020 และออกเดินทางจากอิรักโดยทันที ประชาชนชาวอเมริกันควรออกเดินทางโดยใช้บริการสายการบินขณะที่ยังเป็นไปได้ แต่หากไม่สามารถก็ให้เดินทางไปยังประเทศอื่นผ่านทางบก” แถลงการณ์ระบุเช่นนี้
สำหรับ อญาโตลลอฮ์ อะลี โฮไซนี คาเมเนอี (Ayatollah Ali Hoiseini-Khamenei) ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ได้กล่าวว่าผู้ที่สั่งหารนายพลโซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังกุดส์ (Quds Force) ของสาธารณรัฐอิสลาม และมูฮันดีส์ “ควรรอรับการแก้แค้นอย่างสาสม” สถานีโทรทัศน์ทางการอิหร่านรายงาน
ด้าน สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอ (IRNA) ของอิหร่านรายงานว่าไออาร์จีซีได้เผยแพร่แถลงการณ์ยืนยันการเสียชีวิตของโซเลมานีว่า “คาเซม โซเลมานี ผู้บัญชาการอันมีเกียรติของอิสลาม ตกเป็นเหยื่อการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ในวันนี้(3 ม.ค.)”
ขณะที่ นายกรัฐมนตรี อาเดล อับดุล มะห์ดี ของอิรัก ประณามปฏิบัติการของสหรัฐ โดยระบุว่าละเมิดข้อตกลงการคงกำลังทหารสหรัฐในอิรัก และพฤติการณ์รุกรานของสหรัฐละเมิดอำนาจอธิปไตยของอิรักและอาจนำไปสู่สงครามได้
ส่วนประเทศพันธมิตรของสหรัฐในยุโรปหลายประเทศ ทั้งอังกฤษ, ฝรั่งเศส และเยอรมนี รวมถึงสหภาพยุโรป แสดงความวิตกที่ความตึงเครียดบานปลาย รัฐบาลจีนเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบและใช้ความอดกลั้น ขณะที่กองทัพอิสราเอลสั่งเตรียมพร้อมขั้นสูงสุด
อย่างไรก็ดี มีรายงานด้วยว่า นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายรัฐมนตรีของอิสราเอล ร่นเวลาการเยือนกรีซแล้วเดินทางกลับประเทศ โดยคณะรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงนัดหารือความเป็นไปได้ของภัยคุกคามต่ออิสราเอลหลังเหตุการณ์นี้
ส่วน นายมิชอัน อัล-จูโบรี (Mish’aan al-Jubouri) สมาชิกสภานิติบัญญัติอิรัก ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอัล-มูฮัมดิส โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ว่า “ผมขอไว้ทุกข์ให้กับพี่ชายผู้ดื้อรั้นและเพื่อนรักผู้ซื่อสัตย์ คนที่ผมคอยเฝ้ามองเขาเอาชนะความตายครั้งแล้วครั้งเล่า”
ก่อนหน้านี้สื่อท้องถิ่นได้เผยแพร่ภาพถ่ายของอาบู มาห์ดี อัล-มูฮันดีส์ (Abu Mahdi al-Muhandis) เข้าร่วมการประท้วง กับคาอิซ อัล-คาซาลี (Qais al-Khazali) หัวหน้ากองทหาร อะซออิบ อะฮ์ ลิลฮักก์ (Asa’ib Ahl al-Haq) ฮาดี อัล อัมรี (Hadi Al Amri) และ หัวหน้ากลุ่มฮาชด์ชาบีด้วย
ทั้งนี้ สถานการณ์ตึงเครียดดังกล่าว ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกเมื่อวันศุกร์พุ่งขึ้นมากกว่า 4% เนื่องจากความวิตกต่อปัญหาการขนส่งน้ำมันในตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงการส่งน้ำมันดิบผ่านอ่าวเปอร์เซีย ภายหลังอิหร่านประกาศจะล้างแค้นตอบโต้สหรัฐ เช่น ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ในตลาดลอนดอนเช้าวันศุกร์ เพิ่มขึ้น 4.5% อยู่ที่ 69.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเพิมขึ้น 4.1% อยู่ที่ 63.71 ดอลลาร์/บาร์เรล