หนุ่มถูกล็อกล้อข้างโรงพยาบาล สุดเศร้า เอาออกซิเจนไปช่วยแม่ป่วยหนักไม่ทัน
(6 ม.ค.63) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เล่าเหตุการณ์ที่ถูกตำรวจจราจร สภ.หาดใหญ่ ล็อกล้อขณะนำรถไปจอดในที่จอดรถจักรยานยนต์ข้างโรงพยาบาลหาดใหญ่ เพราะต้องรีบไปเช่าเครื่องออกซิเจนจากโรงพยาบาลหาดใหญ่ นำไปให้แม่ที่ป่วย
ทั้งนี้ ตนเองพยายามอธิบายให้ตำรวจจราจรฟังแล้วแต่ตำรวจก็ไม่ฟัง และให้ไปจ่ายค่าปรับที่โรงพักก่อนจึงจะปลดล็อกล้อให้ สุดท้ายตนนำเครื่องออกซิเจนไปให้แม่ไม่ทัน และแม่เสียชีวิตในเวลาต่อมา ข้อความทั้งหมดระบุว่า...
"วันนี้ผมทำผิดกฎจราจร จอดรถในที่จอดมอเตอร์ไซค์ เพราะรีบเข้าไปเช่าเครื่องออกซิเจนไปให้แม่ที่ป่วย ออกซิเจนใกล้หมด ผลถูกล็อกล้อต้องเสียค่าปรับ 500 ครับ ประเด็นคือผมพยายามบอกตำรวจคนนั้นแล้วแต่เขาไม่ยอมฟัง ต้องให้ไปจ่ายค่าปรับก่อนจึงจะปลดให้
ผลก็คือผมเอาออกซิเจนไปให้แม่ไม่ทันครับ แม่จากไปโดยสงบเวลา 11.25 ครับ ขอบอกตำรวจคนนั้นท่านรักษากฎหมายดีมาก แต่ท่านขาดจริยธรรมครับ ท่านคงภูมิใจที่ท่านยึดตามกฎหมาย หวังว่าท่านคงมีความสุขกับเหตุการณ์ครั้งนี้นะครับ เหตุเกิดที่ข้างโรงพยาบาลหาดใหญ่วันนี้ครับ"
เหตุดังกล่าว ทำให้ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความเสียใจกับเจ้าของโพสต์เป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้โพสต์เองก็ยอมรับว่าตนเองผิดกฎจราจรจริง เพียงแค่อยากโพสต์เรื่องราวให้เป็นอุทรหรณ์ และไม่ต้องการเอาความใดๆ กับเจ้าหน้าที่ ขณะที่บางส่วนก็เห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นกัน ในแต่ละวันอาจจะได้เจอข้ออ้างต่างๆ ของผู้ใช้รถใช้ถนนมากมาย จึงต้องทำไปตามหน้าที่
ต่อมา อีจัน รายงานว่า พ.ต.ท.นฤทธิ์ เครือเนตร สารวัตรจราจร สภ.หาดใหญ่ เปิดเผยว่า บริเวณพื้นที่รอบโรงพยาบาลหาดใหญ่ มีปัญหาการจอดรถมาก จึงจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย โดยการบังคับล้อ กับรถที่ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร เพื่อให้ทุกคนได้ใช้ถนนอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งกรณีนี้ ตำรวจไม่รู้ว่าข้อมูลที่ประชาชนบอกนั้นเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ถ้ารู้ความจริงว่ามีใครสักคนรอความช่วยเหลืออยู่ ตำรวจไม่ใจดำ และจะจัดรถนำพาไปถึงบ้านผู้ป่วยทันที
และหากกรณีล็อคล้อนี้ เป็นสาเหตุหลักที่ให้ทำผู้ป่วยท่านนี้เสียชีวิต ตนกราบขออภัย และขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา และออกคำสั่งให้ตำรวจจราจรนายนี้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด โดยตำรวจจราจรทุกนายไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในสังคม เพียงแค่ต้องการจัดระเบียบจราจรให้ดีที่สุดเท่านั้น
โดย เหตุการณ์นี้ พ.ต.ท.นฤทธิ์ ยืนยันว่า ตำรวจจราจรไม่หวังผลประโยชน์แอบแฝง และทำไปตามกฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืน ส่วนเหตุผล และความจำเป็นนั้นสามารถคุยกันได้ ไม่ได้ต้องการจะปรับ 500 หรือ 1,000 บาท เพราะบางรายก็ปรับแค่ 200 หรือแค่ว่ากล่าวตักเตือนก็มี