ป้าเงินหาย 1.2 แสน เชื่อถูกป้ายยาหน้าตู้เอทีเอ็ม ที่แท้ลืมบัตร สาวสวมรอยกดเกลี้ยง

ป้าเงินหาย 1.2 แสน เชื่อถูกป้ายยาหน้าตู้เอทีเอ็ม ที่แท้ลืมบัตร สาวสวมรอยกดเกลี้ยง

ป้าเงินหาย 1.2 แสน เชื่อถูกป้ายยาหน้าตู้เอทีเอ็ม ที่แท้ลืมบัตร สาวสวมรอยกดเกลี้ยง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางบุญตา อายุ 55 ปี ชาวบ้านหมู่ 6 ตำบลนาทุ่ง อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ว่า เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2562 เวลาประมาณ 17.00 น. ขณะที่ตนเองกำลังทำธุรกรรมอยู่ตรงตู้เอทีเอ็ม ของ ธกส.สาขาชุมพร ซึ่งอยู่กลางใจเมืองชุมพร ตนเองมีความรู้สึกว่า เหมืนอมีผู้หญิงมายืนอยู่ด้านหลังของตนเอง และรู้สึกว่าผู้หญิงคนดังกล่าว ได้ใช้มือมาแตะบริเวณต้นคอของตนเอง จนทำให้ตนเองรู้สึกมึนงง สะลึมสะลือ ไม่รู้ตัว ว่าตนเองมาทำอะไร ณ ตรงนี้ พยายามตั้งสติ และหาทางกลับบ้านให้ได้

ป้าบุญตา กล่าวว่า หลังจากกลับไปที่บ้าน ก็ยังรู้สึกสับสนอยู่ จนคล้อยหลับไป และมารู้สึกตัวเช้าขึ้นอีกวัน (วันที่ 25 ตุลาคม 2562) พบว่า บัตรเอทีเอ็มได้หายไป และค้นหาบัตร เท่าไหร่ก็ไม่เจอ พยายามทบทวน ก็พอจำความได้ว่า ได้ไปโอนเงินที่ตู้ เอทีเอ็ม ของ ธกส.และหลังจากนั้นก็จำความอะไรไม่ได้ จึงได้ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ของธนาคาร ด้วยการสื่อสารความเข้าใจคลาดเคลื่อน ทางเจ้าหน้าที่ ธกส. คิดว่าลืมบัตรคาเครื่อง และเครื่องก็ได้ดูดบัตรกลับเข้าไป  จึงได้แนะนำให้ตนทำบัตรใหม่ ในวันจันทร์ เพราะวันที่แจ้งไปเป็นวันศุกร์เวลา 16.30 น. ธนาคารปิดทำการแล้ว ซึ่งตนก็เข้าใจว่า เจ้าหน้าที่ได้ปกป้องเงินในบัญชีให้ แล้ว ตัวเองสบายใจไม่คิดอะไร

นางบุญตา  กล่าวต่อว่า และเมื่อถึงวันจันทร์ที่ 28 ตนได้เดินทางไปที่ธนาคาร เพื่อทำบัตร เปิดทำบัตรใหม่ เป็นที่เรียบร้อย แล้วไปปรับสมุด ผลปรากฏว่าเงินได้ถูกถอนออกไปจากบัญชี ไปจนหมด โดยสารออกด้วยบัตร ATM ของตนที่หายไปจำนวน 10 ครั้งเป็นเงิน 125,900 บาท ยอดเงินคงเหลือในบัญชีแค่ 10 บาทเท่านั้น ตนรู้สึกตกใจมากจึงได้แจ้งทางเจ้าหน้าที่ธนาคาร ธกส.ชุมพร ว่าเงินของตนได้ถูกกลดออกจากบัญชี โดยที่ตนไม่ได้เป็นผู้เบิกถอน และจากนั้นตนจึงได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองชุมพร พร้อมลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

ต่อมาผู้สื่อข่าวพร้อมนางบุญตา และลูกชายและลูกสาวของนางบุญตา ได้เข้าพบกับนายทัศนชัย จันทร์นฤเบศ ผจก.ธกส.สาขาชุมพร เพื่อสอบถามและขอดูภาพกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บริเวณตู้เอทีเอ็ม ซึ่งพบว่า นางบุญตา ได้มาทำธุรกรรมบริเวณตู้เอทีเอ็ม ของ ธกส.สาขาชุมพร ในเวลาประมาณ 17.00 น.ของวันที่ 24 ตุลาคม 2562 จริง โดยนางบุญตา ได้ใช้ตู้บริการตู้ที่ 1 จนแล้วเสร็จ หลังจากนั้น นางบุญตา ได้ถือบัตรเอทีเอ็ม มาวางบนแป้นของตู้เอทีเอ็ม ของตู้ที่ 3 ซึ่งอยู่เรียงติดกัน จำนวน 3 ตู้ หลังจากทำธุรกรรมจนเสร็จเรียบร้อย นางบุญตา ก็ได้หันหลังเดินออกจากตู้ไป โดยไม่ได้เก็บบัตรเอทีเอ็ม ที่วางไว้บนแป้น กลับไปด้วย

นายทัศนชัย จันทร์นฤเบศ ผจก.ธกส.สาขาชุมพร กล่าวว่า จนกระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น.วันที่ 25 ตุลาคม 2562 ได้มีหญิงสาว นางหนึ่งได้เดินข้ามถนนมาทำธุรกรรม บริเวณตู้ที่ 3 โดยหญิงสาวนางนั้นไม่ได้สังเกตเห็นบัตรเอทีเอ็ม ของนางบุญตา ที่วางลืมไว้ จนหญิงสาวได้ทำธุรกรรมเสร็จ กำลังหันหลังเดินออกจากตู้ คาดมือได้ไปโดนบัตร จึงได้หยิบขึ้นมา พลิกดูบัตรเอทีเอ็ม ก่อนนำบัตรเอทีเอ็ม ของนางบุญตา ไปกดในตู้ที่ 1 ซึ่งจากกล้องที่บันทึกได้ หญิงสาวกดหมายเลขเพียงครั้งเดียวก็สำเร็จ มีเงินไหลออกมา และหลังจากนั้นทางหญิงสาวคนดังกล่าว ได้กดเงินอีกต่อเนื่อง

นายทัศนชัย จันทร์นฤเบศ ผจก.ธกส.สาขาชุมพร กล่าวต่อว่า ตนเองยอมรับว่า การสื่อสารระหว่างผู้เสียหายคือนางบุญตา ซึ่งเป็นลูกค้าชั้นเยี่ยม กับพนักงานของธนาคาร น้อยเกินไป ซึ่งทางพนักงานต้อง ช่างพูด ช่างถามสักหน่อย ความสูญเสียก็จะไม่เกิด ซึ่งตนเองก็จะนำเหตุการณ์นี้ นำไปปรับปรุงแก้ไข ให้กับทางพนักงานทุกคน ต้องใส่ใจ ให้ความสำคัญ และต้องเป็นคนช่างซัก ช่างถามให้มาก ยิ่งขึ้น

นายทัศนชัย กล่าวต่ออีกว่า สำหรับที่ผู้เสียหาย เชื่อว่า ถูกคนร้ายป้ายยา จนครองสติไม่อยู่นั้น ตนเองไม่เชื่อจะเป็นไปได้เพราะหลักฐานที่ปรากฏชัดเจนจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ ไม่มีบุคคลที่สองแม้แต่อย่างใด ภาพที่บันทึกจะเห็นผู้เสียหายมาทำธุรกรรมบริเวณตู้เพียงคนเดียว ในเวลา 17.00 น.เศษ และมีคนร้ายที่กล้องจับพฤติกรรมตั้งแต่เดินเข้ามา ในเวลา 03.00 น.ของวันใหม่ ที่เข้ามาทำธุรกรรม จนเอาบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายไปกด  ซึ่งเวลาห่างกันนับ 7 ชั่วโมง หากโดนป้ายก็คงกด ณ เวลานั้น แต่ก็นั้นก็ความรู้สึก ความเชื่อของแต่ละบุคคล ทั้งนี้คนเองก็ขอเตือนว่าอย่าเขียนรหัสไว้กับบัตร เพราะจะทำให้คนร้ายสามารถนำไปกดเงินได้สะดวก แต่หากไม่เขียนรหัส กดผิด 3 ครั้งบัตรก็ถูกยึด ความสูญเสียก็ไม่เกิด

นายทัศนชัย จันทร์นฤเบศ ผจก.ธกส.สาขาชุมพร กล่าวอีกว่า ส่วนความเสียหายนั้น ตนเองจะให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เร่งรัดติดตามตัวหญิงสาวรายนี้ก่อน ซึ่งหญิงสาวรายนี้ ก็ไม่ใช่ใคร เป็นหญิงสาวที่มาขายบริการให้กับนักท่องราตรี และแหล่งหากินก็อยู่ตรงข้ามกับธนาคารเอง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติหมายจับ จากศาลจังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 256 2 แล้วคาดคงได้ตัวในไม่ช้า ส่วนการเยียวยาอย่างไรก็ต้องรอผลจากคดีก่อน

ด้านนางบุญตา กล่าวทิ้งท้ายว่า ระยะเวลาที่เกิดเหตุมาจากถึงขณะนี้ คดียังไม่คืบหน้า และกินเวลานานมากแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ยังไม่สามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีได้เลย   อยากขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีโดยเร็ว และวอนสื่อ ช่วยเผยแพร่ข่าวที่ออกไป หากใครที่สร้างกระแสหรือพบคนร้ายรายนี้ให้ติดต่อหรือแจ้งเบาะแสมายังสถานีตำรวจภูธรเมืองชุมพร สถานีตำรวจใกล้บ้านได้ทุกแห่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook