ล่ามือปืนถล่มรถ "บิ๊กโจ๊ก" เชื่อยิงไม่ผิดตัว เพราะน้อยคนที่รู้ว่าเจ้าตัวสลับรถใช้

ล่ามือปืนถล่มรถ "บิ๊กโจ๊ก" เชื่อยิงไม่ผิดตัว เพราะน้อยคนที่รู้ว่าเจ้าตัวสลับรถใช้

ล่ามือปืนถล่มรถ "บิ๊กโจ๊ก" เชื่อยิงไม่ผิดตัว เพราะน้อยคนที่รู้ว่าเจ้าตัวสลับรถใช้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันนี้ (7 ม.ค. 63) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษก ตร. เปิดเผยความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุยิงถล่มรถของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำนายกรัฐมนตรี และอดีต ผบช.สตม. ว่า เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2563 เวลาประมาณ 20.30 น. คนร้าย 2 คน สวมหมวกกันน็อก ใช้รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเป็นพาหนะขับเข้ามาในซอยสาริกา ถนนสุรวงศ์ เขตบางรัก กทม. และใช้อาวุธปืนยิงใส่ด้านซ้ายของรถยนต์ที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ขับมาจอดไว้บริเวณดังกล่าว และหลบหนีไป โดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการตรวจสถานที่เกิดเหตุ ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด สอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง และเร่งทำการสืบสวนสอบสวนในคดีดังกล่าว เบื้องต้นจากการตรวจพิสูจน์รถยนต์คันที่ถูกยิง พบร่องรอยถูกกระสุนปืนยิง จำนวน 8 นัด ที่บริเวณข้างตัวรถทางซ้าย บริเวณประตูหน้า 1 นัด และประตูหลัง 7 นัด

ขอเรียนว่าคดีนี้ถือเป็นคดีสำคัญ ผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ลงมากำกับดูแล และสั่งการให้เร่งดำเนินการ ติดตาม เร่งรัด ผลการตรวจสอบวิถีกระสุนปืน ตรวจหัวกระสุน วิเคราะห์เนื้อโลหะของกระสุนปืน ตรวจเปรียบเทียบหัวกระสุนปืนด้วยระบบอัตโนมัติจากกองพิสูจน์หลักฐานกลาง เร่งรัดตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ทั้งก่อนเกิดเหตุ-หลังเกิดเหตุ รวมถึงตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณสถานที่เกิดเหตุและในซอยสาริกา ก่อนเกิดเหตุย้อนหลัง 7 วัน และติดตามประจักษ์พยานหรือพยานแวดล้อมหรือบุคคลที่ได้รู้ได้เห็นได้ยินเพิ่มเติมประกอบในคดี หากมีความคืบหน้าจะได้ชี้แจงให้ทราบต่อไป  ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าว

ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กำชับให้เร่งจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว พร้อมกันนี้ได้กำชับผู้บังคับบัญชาทุกพื้นที่ ให้กำหนดมาตรการป้องกันเหตุ เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุร้ายขึ้นอีก โดยหากเกิดเหตุต้องติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดได้โดยเร็ว ทั้งนี้พนักงานสอบสวนต้องดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน ด้วยความรอบคอบ รวดเร็ว เป็นธรรม อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงกับผู้ที่ก่อเหตุเป็นสำคัญ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน นักลงทุน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

วันเดียวกันที่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. กล่าวภายหลังเรียกประชุมชุดสืบสวนเพื่อคลี่คลายคดีดังกล่าวว่า ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง จากการพูดคุยกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เบื้องต้นไม่มีประเด็นทางชู้สาวหรือความขัดแย้งทางธุรกิจ โดยวันพรุ่งนี้ (8 มกราคม 2563) จะนัดมาสอบปากคำอย่างละเอียดที่ สน.บางรัก ในเวลา 12.30 น.

ผู้ก่อเหตุน่าจะมีมากกว่า 2 คน มีการวางแผนดูลาดเลา เส้นทางก่อนและหลังลงมือก่อเหตุ โดยตัดประเด็นการยิงผิดตัวทิ้งไป เพราะมีไม่กี่คนที่ทราบว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ใช้รถยนต์คันนี้ และเส้นทางนี้ไปยังสถานที่ดังกล่าวเป็นประจำ ส่วนจะมีการจัดฉากสร้างสถานการณ์หรือไม่ ตำรวจจะตรวจสอบประเด็นนี้เช่นกัน พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา กล่าวทิ้งท้าย

อย่างไรก็ตาม เส้นทางหลบหนีเบื้องต้นพบว่าเมื่อก่อเหตุแล้วได้ขับรถย้อนกลับมาทางเดิมเนื่องจากซอยดังกล่าวเป็นซอยตัน ก่อนขับมุ่งหน้าไปทางแยกอังรีดูนังต์ และเลี้ยวซ้ายวิ่งถนนพระราม 4 มุ่งหน้ามาแยกสามย่าน จึงให้ฝ่ายสืบสวนขยายผลตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook