บิ๊กโจ๊ก เผยกำลังนอนนวดชิลๆ จังหวะคนร้ายบุกยิงรถ ไม่ตกใจเพราะรู้ว่าต้องเจอแบบนี้
จากกรณีคนร้ายบุกถล่มยิงรถ "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล" หรือ "บิ๊กโจ๊ก" ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) และอดีต ผบช.สตม. ทำให้รถได้รับความเสียหาย ขณะที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ปลอดภัยเนื่องจากไม่ได้อยู่ในรถ โดยคาดว่ามือปืนถูกจ้างมายิงข่มขู่
รายการ "เรื่องลับมาก (NO CENSOR)" ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.55 - 14.50 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (8 ม.ค.) "ดร.เสรี วงษ์มณฑา" เปิดใจสัมภาษณ์ รศ.พ.ต.ท.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดีและประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยรังสิต และ รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เพื่อคลี่ปมประเด็นนี้
ยิงแบบนี้มืออาชีพม้ั้ย?
รศ.พ.ต.ท.กฤษณพงค์ : "ประเด็นแรกอาจต้องมาดูว่าคนร้ายที่ยิงรู้มั้ยว่ามีคนอยู่ในรถ เท่าที่ติดตามข่าว คนร้ายเชื่อว่าไม่มีคนอยู่ในรถ ประการสำคัญรถจอดหยุดนิ่งไม่มีการเคลื่อนที่ น่าเชื่อได้ว่าคนร้ายไม่ประสงค์ต่อชีวิต ถามว่าคนร้ายมืออาชีพมั้ย ก็ตอบค่อนข้างยาก"
รศ.นพ.วีระศักดิ์ : "แน่นอนคือเป็นลักษณะขบวนการ มีการมาดูต้นทาง ส่วนการยิงมีกองพิสูจน์หลักฐานเข้าไปดำเนินการ มีการคอยบอกทิศทางการยิง เป็นลักษณะการยิงเฉียงลง ไม่เอาชีวิตแน่นอน เพราะถ้ามีการบาดเจ็บก็อยู่ระดับช่วงขา"
กระสุนไม่กระจัดกระจาย กระจุกอยู่ที่เดียว การยิงแบบนี้อธิบายอะไร?
รศ.นพ.วีระศักดิ์ : "ตามข่าวบอกว่ายิง 3 วินาที ก็เป็นการยิงต่อเนื่อง ไม่ได้หวังผล คือรีบ เพราะซอยนี้เป็นซอยตัน การดำเนินการต้องอยู่ในช่วงเวลาสั้นมากๆ เพื่อให้มีเวลาหนี"
ทำไมเลือกสถานที่แบบนี้?
รศ.พ.ต.ท.กฤษณพงค์ : "อันดับแรก คนร้ายต้องรู้พฤติกรรมของท่านสุรเชษฐ์แน่นอน ต้องมีการติดตามความเคลื่อนไหว สองต้องมีการกระทำที่เป็นขบวนการ มีผู้สั่งการ มีผู้ลงมือปฏิบัติการ ซึ่งบ้านเราให้ความสำคัญน้อย เรียกว่าองค์กรอาชญากรรม หมายความว่าถ้าผู้กระทำความผิด 3 คนขึ้นไป อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องแก๊งที่มากกว่านั้น เช่นขบวนการฟอกเงินมั้ย ประพฤติผิดมิชอบมั้ย"
โฟนอินสัมภาษณ์ "บิ๊กโจ๊ก" สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?
บิ๊กโจ๊ก : "ตอนนี้ไม่มีอะไร ส่วนใหญ่สื่อก็สัมภาษณ์กันเยอะ ผมก็ตอบได้ในส่วนที่ตอบได้ ตามข้อเท็จจริง"
ตอนรู้ว่ารถโดนยิง คิดไปถึงเรื่องอะไรบ้าง?
บิ๊กโจ๊ก : "ทันทีที่ทราบว่ารถถูกยิง ผมนอนนวดอยู่ พนักงานนวดตกใจ แต่ผมเฉยๆ เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้มีการดำเนินการอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วแค่นั้นเอง ผมคาดการณ์อยู่แล้ว ว่าเรื่องนี้ต้องมีเกิดขึ้น แต่วันนั้นผมอาจประมาทไปนิดนึง ผมขับรถไปคนเดียวเหมือนเดิม เป็นพฤติกรรมประจำของผมปกติ"
ทำไมคาดว่าจะเกิดขึ้น?
บิ๊กโจ๊ก : "มันเป็นเรื่องการทำหน้าที่ผม สมัยผมดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการ ตม. ประเด็นเหล่านี้เป็นประเด็นที่ผมต้องเข้าไปให้การ เหตุนี้มีการพยายามให้ผู้ใหญ่ติดต่อขอคุยกับผม นัดผมคุยหลายครั้งแล้วแต่ผมก็ไม่เคยไปคุย"
ไม่อยากให้บิ๊กโจ๊กไปพูดเรื่องนี้เหรอ?
บิ๊กโจ๊ก : "ทำนองนั้น ผมไม่ได้ทำธุรกิจ ไม่มีเรื่องผู้หญิง เราเป็นตำรวจเก่า เราทำงานสืบสวน รู้อยู่แล้วว่าใครจะทำอะไรเรา ผมมีข้อมูลของผมอยู่แล้ว ตั้งแต่ผมเป็นผู้บัญชาการ ตม. ผมพบปัญหาอยู่ 2 เรื่องหลักๆ คือ โครงการอัจฉริยะ รถ BMW หนึ่งเรื่อง วงเงิน 900 ล้าน แล้วก็โครงการไบโอเมตริก 2 พันกว่าล้าน เมื่อผมมารับตำแหน่ง มัน 3 ผู้บัญชาการแล้วทำไม่เสร็จ ผมเห็นว่าในการมารับหน้าที่ ในการส่งมอบเขาไม่สามารถส่งมอบได้ตามกำหนด เหล่านี้เป็นประโยชน์ชาติทั้งสิ้น เป็นภาษีประชาชน ผมจึงทำหนังสือถึง ผบ.ตร. ขณะดำรงตำแหน่ง ว่าเห็นควรยกเลิกให้มีการดำเนินการจัดหาใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามที่กำหนด"
เหมือนเป็นการข่มขู่ กลัวมั้ย?
บิ๊กโจ๊ก : "ผมไม่ได้กลัว ผมจะไปกลัวเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะวันนี้ถ้าผมกลัวแล้วใครจะมาทำหน้าที่ ประชาชนจะพึ่งพาใครได้ เพียงแต่ว่าถ้าผมกลัว ผมก็ไม่กล้าเซ็นหนังสือยกเลิกไป ผมถือว่าผมทำหน้าที่ตามปกติ"
คาดหวังว่าจะจับคนร้ายได้แค่ไหน?
บิ๊กโจ๊ก : "ผมเป็นตำรวจเก่า มีความเชื่อมั่นและศรัทธาในตำรวจ เหมือนที่เมื่อก่อนผมทำให้ประชาชนศรัทธาตำรวจ วันนี้ท่าน ผบ.ตร. ได้กล่าวไปทั่วหมดแล้วว่าการแต่งตั้งโยกย้ายที่ผ่านมา แต่งตั้งเอาคนดีๆ เก่งๆ มาทั้งนั้น คนไม่เก่ง แต่งตั้งเอาออกไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้เมื่อแต่งต้้งตำรวจดีๆ เก่งๆ นักสืบเก่งๆ ก็ต้องจับคนร้ายให้ได้"
การที่บิ๊กโจ๊กไม่ได้ไปที่นั่นนานแล้ว แสดงว่ามีการติดตามพฤติกรรมบิ๊กโจ๊กเป็นเวลานานหรือเปล่า?
รศ.พ.ต.ท.กฤษณพงค์ : "เชื่อได้ว่ามีการติดตามพฤติกรรมของท่านสุรเชษฐ์แน่นอน ปกติเวลารถเขาสะกดรอย เขาใช้อย่างน้อยๆ 3 คัน โดยปกติการก่อเหตุในเมือง การใช้รถจักรยานยนต์โอกาสหลบหนีจะง่ายกว่า เชื่อว่าเขาติดตามมาพอสมควร เพราะเวลาคนร้ายจะก่อเหตุ เขาไม่ดูสถานที่แค่วันสองวัน ต้องศึกษาทางหนีทีไล่ ถ้าคนรู้อีกว่าเส้นทางไหนมีกล้องวงจรปิดก็จะทำแผนที่"
ทำไมเขาใช้รถเบนซ์ ทำไมไม่ใช้รถเล็กๆ เขาไม่กลัวเหรอ?
รศ.นพ.วีระศักดิ์ : "ส่วนตัวผม ในความเป็นจริง รถที่พูดถึง อาจกลายเป็นอีกมุมหนึ่งก็ได้ ลดทอนความน่าสังเกตก็ได้ เพราะซอยที่เข้าออก ถ้าดูดีๆ เป็นร้านนวด ร้านอาหารดังมาก คนเข้าออกถ้าเป็นรถโกโรโกโสเข้าไปอาจผิดสังเกตมากกว่า รถหรูเข้าไปเป็นเรื่องปกติ มันดูไม่ผิดสังเกต"
รศ.พ.ต.ท.กฤษณพงค์ : "เวลาคนร้ายก่อเหตุ เพื่อหลีกเลี่ยงการสังเกต ถ้าใช้รถคันเดียวอาจถูกจับสังเกตได้ ถามว่าทำไมเป็นรถเบนซ์ เพราะเขารู้ว่าการไปสถานที่แห่งนั้น ใช้รถประมาณนี้ไม่ผิดสังเกต"
ถ้าคนประสงค์ชีวิต ทำไมไม่ไปดักรอหน้าบ้าน?
รศ.พ.ต.ท.กฤษณพงค์ : "ถ้ากรณีทั่วๆ ไปก่อน ต้องดูว่าบ้านสถานที่เป็นอย่างไร เช่นใช้ประตูรีโมท สองกล้องวงจรปิด สามทางเข้าออกเป็นอย่างไร จากที่ดูเชื่อว่าไม่น่าประสงค์ต่อชีวิต เขารู้ว่าเป้าหมายอยู่ที่ไหน เขาไม่ประสงค์ แต่เหมือนเป็นการข่มขู่ แต่อีกมุมหนึ่ง เหมือนที่หลายท่านสังเกตว่าสร้างสถานการณ์หรือเปล่า ก็แล้วแต่"
"ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร" ในสายตาทนายเกิดเรื่องนี้ได้ยังไง?
ทนายรณณรงค์ : "เรื่องนี้เรื่องใหญ่นะ ปกติเราไม่เคยเจอตำรวจที่มีบารมีเยอะขนาดนี้ สองปีที่ผ่านมาไม่มีใครดังเท่าบิ๊กโจ๊กแล้ว คนกล้ายิงรถบิ๊กโจ๊กไม่ธรรมดา คิดว่าไม่ใช่ตำรวจด้วยกันยิง ผมมองว่าคนยิงแบบนี้ไม่ธรรมดา จริงๆ เขานั่งมอเตอร์ไซค์มา หันปืนก็ยิงกระจกได้ ทำไมต้องยิงตาตุ่ม"
คนที่จะทำ อะไรคือแรงจูงใจ และคิดเรื่องการจัดฉากมั้ย?
รศ.นพ.วีระศักดิ์ : "ผมคิดว่าโดยตัวท่านสุรเชษฐ์ท่านก็รู้ ท่านพูดเรื่องเหตุการณ์ชัดเจนว่าน่าจะเกิดจากอะไร ส่วนใหญ่ตัวผู้ถูกกระทำจะทราบเรื่องดี ผมว่าแรงจูงใจก็น่าจะตามที่ท่านพูดถึง ส่วนเรื่องการยิง ผมว่าเป็นการกระทำโดยขบวนการ ไม่สามารถทำได้แค่รถสองคัน อาจไม่เพียงแค่นี้ เพราะแค่สองคันจะทำงานใหญ่กับบุคคลระดับนี้ต้องมากกว่านี้ ส่วนจัดฉากหรือไม่ต้องรอดูยาวๆ ให้สังคมตัดสิน มันเป็นเดิมพันนะ ถ้าตำรวจมีพยานหลักฐานชัดเจนว่าเป็นการจัดฉาก ผมคิดว่าเรื่องนี้เรื่องใหญ่มาก"
รศ.พ.ต.ท.กฤษณพงค์ : "ประเด็นแรกเป็นเรื่องแรงจูงใจ ท่านสุรเชษฐ์ท่านให้น้ำหนักไปเรื่องตำแหน่งที่ท่านเคยดำรงอยู่ ทางฝ่ายสืบสวนเองอาจให้ความสำคัญประเด็นนี้เป็นอันดับแรก แต่ก็ไม่ตัดประเด็นอื่น แต่ให้ข้อสังเกตว่าท่านสุรเชษฐ์เป็นที่ปรึกษาพิเศษท่านนายกฯ และนายกฯ คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั่นหมายความว่าโดยปกติแล้วบรรทัดฐานไม่ว่าจะพลตำรวจโท รากหญ้า ต้องได้รับการติดตามคนร้ายเท่าเทียมกัน แต่นี่ท่านเป็นที่ปรึกษาพิเศษนายกรัฐมนตรี และคุมตำรวจอีก ฉะนั้นการติดตามคนร้าย มีผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชน"
ทนายรณณรงค์ : "บ้านเราแปลกอย่างหนึ่ง ทำไมเวลารถประชาชนหรือรถคนมีอิทธิพลทางการเมืองโดนยิง ชอบสันนิษฐานว่าถูกจัดฉาก ก็ไม่ตาย มันก็อ้างได้ ไม่ได้แปลว่าเป็นการจัดฉาก อาจเป็นการข่มขู่ก็ได้ ถ้าวันนั้นจังหวะดวงถึงฆาต ก็ไม่มีใครรับประกันว่าเมื่อสักครู่จะได้โฟนอินหรือเปล่า คดีนี้ประชาชนสนใจ คนถืออำนาจรัฐ พล.ต.ท. ขีดเส้นมั้ยว่าใช้เวลากี่วันในการจับคนร้าย ถ้าระดับ พล.ต.ท. ยังไม่มีความปลอดภัย แล้วประชาชนจะปลอดภัยได้อย่างไร อย่างนี้ก็ยิงใครก็ได้สิ"