นศ.สาวฟันจู๋บานปลาย หนุ่มโต้ถูกลวงไปหั่น
น.ศ.สาวเชียงใหม่ฟันจู๋แฟนเก่าบานปลาย แม่ฝ่ายชายอ้างทั้งคู่อยู่ด้วยกันมา 4-5 ปีแล้ว ยืนยันไม่ได้ข่มขืนไปสอบถามพยานที่รู้เห็นได้ ส่วนผกก.แม่ปิงสอบถามลูกน้องทุกคนแล้ว ยืนยันไม่มีตร.คนไหนเรียกเงินฝ่ายหญิง 3 ล้าน ระบุทั้งสองฝ่ายให้การไปคนละทาง แต่จะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ส่วนคดีคืบหน้า 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว เตรียมสรุปสำนวนส่งอัยการ
จาก กรณีน.ส.โอ๋ (นามสมมติ) อายุ 22 ปี ชาวจ.ลำปาง เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ขอความช่วยเหลือหลังถูกแฟนเก่าชื่อนายภู (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ปัจจุบันเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.ลำปาง บุกมาพยายามขืนใจ จึงใช้มีดปอกผลไม้ฟันที่อวัยวะเพศก่อนที่ฝ่ายชายจะหลบหนีไป จึงตัดสินใจไม่เอาเรื่อง แต่ต่อมากลับถูกฝ่ายชายแจ้งตำรวจให้ดำเนินคดี และมีชายอ้างเป็นตำรวจสภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ โทรศัพท์มาข่มขู่เรียกเงินจำนวน 3 ล้านบาทเพื่อให้จบเรื่อง ล่าสุดนางปวีณา ประสานพล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 13 ก.ค.52 พ.ต.อ.อักษร วงค์ใหญ่ ผกก.สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องนี้ตนสอบถามไปยังตำรวจทั้งพ.ต.ท.ประดิษฐ์ ติ๊บมา พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี รวมถึงพ.ต.ท.สัมพันธ์ สิริมา รองผกก.สส.สภ.แม่ปิง ผู้ควบคุมคดีทั้งหมดแล้ว ซึ่งทั้งสองนายตำรวจต่างยืนยันว่าไม่ได้เป็นบุคคลที่โทรศัพท์ไปหาฝ่ายหญิง เรียกร้องเงินค่าเสียหายแต่อย่างใด ก็คงต้องถามทางผู้ปกครองของฝ่ายชายว่าเคยให้ตำรวจที่ไหนโทรศัพท์ไปเรียกร้อง ค่าเสียหายกับทางฝ่ายหญิงหรือไม่ อย่างไรก็ตามเพื่อให้กระจ่างในเรื่องนี้ ทางพนักงานสอบสวนแจ้งให้กับตนทราบว่า ได้เรียกตัวน.ส.โอ๋ มาสอบปากคำในเบื้องต้นไว้แล้วเมื่อวัน 9 ก.ค.52 ที่ผ่านมาแล้ว โดยฝ่ายหญิงให้การตรงกันข้ามกับผู้ปกครองของฝ่ายชาย ทางพนักงานสอบสวนได้บันทึกปากคำไว้แล้วในเบื้องต้น โดยฝ่ายหญิงปฏิเสธในชั้นพนักงานสอบสวน และในวันที่ทางพนักงานสอบสวนเรียกตัวน.ส.โอ๋มาสอบปากคำ น.ส.โอ๋นำทนายความมานั่งฟังการสอบปากคำด้วย ทางพนักงานสอบสวนก็อนุญาต
พ. ต.อ.อักษร กล่าวต่อไปว่า แต่จากการสอบปากคำของฝ่ายชาย ให้การว่าอยู่กินกับฝ่ายหญิงมานาน 4-5 ปีแล้ว ตอนแรกก็ขึ้นมาเรียนที่เชียงใหม่กับฝ่ายหญิง โดยมาเช่าหออยู่ด้วยกัน ต่อมาทางแม่และยายให้ฝ่ายชายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในจ.ลำปาง ส่วนฝ่ายหญิงก็เช่าหอพักทั้งทำงานและเรียนอยู่ที่เชียงใหม่ โดยฝ่ายชายจะเดินทางมาหาฝ่ายหญิงในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ โดยทางแม่และยายของฝ่ายชาย ไม่อยากให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ฝ่ายชายจึงมาบอกเลิกกับฝ่ายหญิง
"วันเกิดเหตุทางฝ่ายชายให้การกับ พนักงานสอบสวนว่า มาหาที่หอพักและมาบอกเลิก เพราะอยู่ด้วยกันต่อไปก็ไม่มีความสุข ฝ่ายหญิงก็ไม่ว่าอะไรและเล้าโลมในทำนองขอมีอะไรกันเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็นำมีดที่เตรียมไว้ตัดอวัยวะเพศของฝ่ายชายทันที" พ.ต.อ.อักษรกล่าวและว่าฝ่ายชายบอกให้ฝ่ายหญิงไปเอาน้ำแข็งมาให้เพื่อห้าม เลือด แต่ฝ่ายหญิงกลับไปเอาน้ำร้อนมาไล่สาด จึงวิ่งหนีออกจากห้องพัก และขอความช่วยเหลือจากคนดูแลหอ ให้ช่วยนำส่งร.พ.ราชเวช คดีนี้ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำและรวบรวมสรุปสำนวนไปแล้วถึง 90 เปอร์เซ็นต์
พ.ต.อ.อักษร กล่าวอีกว่า เมื่อทางฝ่ายหญิงร้องเรียนไปยังมูลนิธิปวีณา และมีข่าวปรากฏตามสื่อในขณะนี้ ทางตนสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำแพทย์ที่รักษาฝ่ายชายแล้ว และที่ฝ่ายหญิงไปอ้างกับทางมูลนิธิปวีณา และให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่าถูกข่มขืนจากฝ่ายชาย ตนก็ไม่เข้าใจว่าเมื่อถูกข่มขืนในตอนแรก ทำไมไม่มาแจ้งความดำเนินคดีในตอนนั้น ส่วนสาเหตุนั้นคู่กรณีทั้งสองให้การไปคนละอย่าง ทางพนักงานสอบสวนก็คงรวบรวมสำนวนทั้งหมดส่งให้อัยการต่อไป
ผู้สื่อ ข่าวรายงานว่าทางผู้ปกครองของฝ่ายชายแจ้งว่า ตอนนี้อวัยวะเพศของลูกชายทางแพทย์ได้ต่อให้แล้วและสมบูรณ์ไปแล้ว 70% แต่ก็ไม่เหมือนเดิมใช้การไม่ได้ และเรื่องการเรียกร้องเงิน 3 ล้านบาทอะไรนั้น ไม่เคยเรียกร้องหรือให้ตำรวจที่ไหนแจ้งฝ่ายหญิงแต่อย่างใด และเรื่องที่ว่าลูกชายของตนไปข่มขืนอะไรนั้น ไม่เป็นความจริงเพราะลูกชายอยู่กินกับฝ่ายหญิงมานานกว่า 4-5 ปีแล้ว ไปสอบถามใครก็รู้หมดว่าเคยอยู่ร่วมกันมานาน แล้วจะไปข่มขืนทำไม อยากให้ทางมูลนิธิปวีณา มาสอบถามฝ่ายตนบ้างเพื่อความเป็นธรรม