เปรมชัย ขอถอดกำไล EM อ้างข้อเท้าอักเสบจากเบาหวาน ศาลปัดตก บอกคนละข้างกัน

เปรมชัย ขอถอดกำไล EM อ้างข้อเท้าอักเสบจากเบาหวาน ศาลปัดตก บอกคนละข้างกัน

เปรมชัย ขอถอดกำไล EM อ้างข้อเท้าอักเสบจากเบาหวาน ศาลปัดตก บอกคนละข้างกัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศาลจังหวัดทองผาภูมิ นัดให้นายเปรมชัย กรรณสูต พร้อมพวกรวม 3 คน มารายงานตัว หลังจากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวหลังจากศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกในคดีร่วมกันล่าเสือดำ ไปเมื่อเดือนที่แล้ว โดยจำเลยทั้งสามคนได้มารายงานตัวต่อศาลไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นายเปรมชัย เดินทางมาพร้อมกับทีมทนายความ เพื่อมารอฟังคำสั่งของศาลหลังขอยื่นให้ศาลถอดกำไลติดตามตัว หรือ กำไล EM ระหว่างที่รอยื่นฎีกาคดี เพราะนายเปรมชัยได้ยื่นเหตุผลว่ากำไลที่ติดรัดข้อเท้าอยู่ส่งผลต่อโรคเบาหวานที่เป็นอยู่

ทั้งนี้ ศาลได้รับคำร้องไว้และนัดฟังคำสั่งว่าจะให้ถอดกำไล EM ตามที่จำเลยได้ร้องขอไว้หรือไม่ในวันนี้ ซึ่งศาลยังไม่อนุญาตตามคำร้อง เนื่องจากบริเวณที่อักเสบคือข้อเท้าด้านซ้ายแต่กำไล EMติดอยู่ด้านขวา ขณะที่นายเปรมชัย ได้ยอมรับว่าขณะนี้มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ขณะที่นายวิทูรย์ ยิ้มพราย ทนายความ เปิดเผยว่าขอยื่นขยายเวลาฎีกาไปอีก 1 เดือน เนื่องจากเอกสารมีจำนวนมาก ยังไม่สามารถยื่นฎีกาได้ทันภายในวันนี้ ศาลจึงอนุญาตและกำหนดให้ยื่นฎีกาภายในวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ รวมทั้งให้จำเลยมารายงานตัวต่อศาลด้วย พร้อมยืนยันว่า ที่ยื่นขอให้ศาลถอดกำไล EMนั้น เพราะนายเปรมชัยมีอาการอักเสบบริเวณข้อเท้าจากการติดกำไล EM

สำหรับวันนี้เป็นวันที่ศาลนัดให้จำเลยทั้งสามคน ทั้งนายเปรมชัย นายยงค์ โดดเครือ และนายธานี ทุมมาศ มารายงานตัวต่อศาล หลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างรอคำพิพากษาศาลฎีกา แต่ทั้งสามได้มารายงานตัวต่อศาลก่อนแล้ว เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา แต่วันนี้ศาลนัดเฉพาะนายเปรมชัย มาฟังคำสั่งเรื่องการขอถอดกำไล EM

ส่วนโทษที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มโทษจำคุกนายเปรมชัยคือ จำคุก 2 ปี 14 เดือน ไม่รอลงอาญา นายยงค์ โดดเครือ จำคุก 2 ปี 17 เดือน ไม่รอลงอาญา และนายธานี ทุมมาศ จำคุก 2 ปี 21 เดือน ไม่รอลงอาญา ส่วนนางนที เรียมแสน รับสารภาพ แต่ก็ถูกเพิ่มโทษเช่นกันจำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับ 40,000 บาท ส่วนโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี และให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นเงิน 2 ล้านบาท

ขณะที่นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า คดีนี้ทางฝ่ายอัยการไม่จำเป็นต้องยื่นฎีกาแล้ว เนื่องจากศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาเพิ่มโทษจำเลยทั้งหมด หรือลงโทษในสถานหนักแล้ว ส่วนฝ่ายจำเลยจะขอยื่นฎีกาให้ศาลลงโทษสถานเบา หรือขอขยายเวลายื่นฎีกา ก็เป็นสิทธิ์ของจำเลย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook