หนุ่มขี่ จยย. ชนกระบะ ร่างกระเด็นรั้วเสียบท้อง-เหล็กแทงคอ คนขับแจ้งกู้ภัยช่วยก่อนหนี

(19 ม.ค. 63) เมื่อเวลา 01.30 น. ร.ต.ท.ณัฐธัญ พูลศรีสังข์ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งเหตุรถกระบะเฉียวชนกับรถ จยย.บริเวณสี่แยกไฟแดงนาทุ่ง ม.6 ต.นาทุ่ง อ.เมือง จ.ชุมพร จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมชุดกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพรการกุศลสังเคราะห์  แพทย์ และ พยาบาลจากโรงพยาบาลชุมพร

ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบรถกระบะยี่ห้อมาสด้า สีบรอนซ์ ตอนครึ่ง จอดขวางเลน อยู่กลางสี่แยกไฟแดงนาทุ่ง โดยหน้ารถมุ่งหน้าจะข้ามจุดตัดรางรถไฟ สภาพบริเวณมุมขวา ด้านหน้ามีร่องรอยถูกชน จนไฟส่องสว่างหน้าแตก

ห่างไปเพียงเล็กน้อยบนฟุตปาธ พบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชายอายุประมาณ 16-20 ปี ถูกเหล็กรั้วกั้นแนวเขตพื้นที่รถไฟทับร่าง โดยปลายของเหล็กรั้ว ซึ่งมีขนาดครึ่งเซนติเมตร เสียบแทงเข้าบริเวณคอ และหน้าท้อง นอนหายใจรวยริน อยู่ข้างรถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็กซ์ สีแดง  ซึ่งอยู่ในสภาพพังยับเยิน เจ้าหน้าที่จึงได้นำอุปกรณ์เครื่องตัดถ่างมาตัดเหล็กรั้ว ก่อนนำร่างออกมาได้ โชคดีที่เหล็กรั้วแทงเข้าเนื้อบริเวณคอไม่ลึกนัก ยกเว้นที่หน้าท้องที่เป็นแผลฉกรรจ์ เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนเพื่อตรวจเช็คร่างกายว่าได้รับบาดเจ็บภายในหนักหรือไม่อย่างไร

จากการสอบถามนายนนทชัย อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นผู้เหตุการณ์ ได้เล่าว่า ตนเองได้ขับรถสไลด์กำลังจะกลับบ้าน โดยใช้เส้นทางสายเมืองชุมพร-สะพลี ขณะที่ขับมาใกล้จะถึงบริเวณสี่แยกไฟแดงซึ่งปิดเป็นไฟกะพริบแล้ว ได้มีรถ จยย.คันดังกล่าว ขับแซงตนเองไปอย่างเร็ว ก่อนจะไปเจอรถกระบะที่ขับมาจากทางสะพลี และกำลังเลี้ยวขวาข้ามรางรถไฟไปทางศูนย์ราชการจังหวัดชุมพร ทำให้รถ จยย. ซึ่งมาด้วยความเร็วพุ่งชนอย่างจัง ก่อนจะกระเด็นไปชนรั้วเหล็กและถูกรั้วทับและปลายเหล็กแทงเสียบดังกล่าว

นายนนทชัย เล่าต่อว่า หลังจากเกิดเหตุ คนขับรถกระบะ อายุไม่ต่ำกว่า 40 ปี ก็ได้ลงจากรถ พร้อมเรียกให้ตนเองช่วยยกผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่เพราะถูกรั้วเหล็กซึ่งหนักทำให้ยกไม่ไหว จึงได้โทรแจ้งกู้ภัยมา ช่วยเหลือ ก่อนจะหลบหนีหายไปในความมืด ระหว่างที่กู้ภัยมาถึงและกำลังช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอยู่

ด้าน ร.ต.ท.ณัฐธัญ พูลศรีสังข์ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองชุมพร หลังจากได้จัดการผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่งตัวให้กับทางแพทย์ พยาบาล นำไปโรงพยาบาลแล้ว ได้ทำการตรวจค้นภายในรถกระบะ พบกระเป๋าหนังแบบสะพาย สีน้ำตาล วางอยู่บนเบาะนั่งข้างซ้าย จึงได้นำมาเปิดดูพบเงินจำนวนหนึ่งและบัตรประชาชน ระบุชื่อ คือนายชัยมงคล อายุ 36 ปี ซึ่งที่อยู่ อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไปเพียง 2 กม. จึงได้ให้ทางตำรวจสายตรวจตำบลบางลึก ไปที่บ้านหลังดังกล่าวที่ระบุในบัตรประชาชน เพราะเชื่อว่า เป็นผู้ขับรถกระบะคันดังกล่าวมาสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป