อันวาร์ ส่อแววอกหัก! อุตส่าห์จับมือหนุน มหาธีร์ แต่ผ่านเกือบ 2 ปี ยังไม่มีวี่แววได้นั่งนายกฯ
ประเทศมาเลเซียเป็นประเทศสหพันธรัฐราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยประเทศมาเลเซียมีดินแดนแยกออกเป็น 2 ส่วนคั่นด้วยทะเลจีนใต้ คือ ดินแดนบนคาบสมุทรมลายู เรียกว่ามาเลเซียตะวันตก และดินแดนตอนเหนือของเกาะบอร์เนียว เรียกว่ามาเลเซียตะวันออก ซึ่งสองดินแดนนี้มีขนาดใกล้เคียงกัน มีเนื้อที่รวม 330,803 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยรัฐ 13 รัฐ และดินแดนสหพันธ์ 3 ดินแดน มีพรมแดนทางบกและทางทะเลร่วมกับไทย และมีพรมแดนทางทะเลร่วมกับสิงคโปร์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย
มาเลเซียตะวันออกมีพรมแดนทางบกและทางทะเลร่วมกับบรูไนและอินโดนีเซีย และมีพรมแดนทางทะเลร่วมกับฟิลิปปินส์และเวียดนาม เมืองหลวงของประเทศคือกรุงกัวลาลัมเปอร์ ในขณะที่ปูตราจายาเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลาง ด้วยประชากรจำนวนกว่า 30 ล้านคน มาเลเซียจึงเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 42 ของโลก
ด้วยความที่มาเลเซียมีการปกครองแบบสหพันธรัฐ ดังนั้นแต่ละรัฐจะมีรัฐบาลของรัฐดูแลกิจการภายในของตนเอง โดยแต่ละรัฐจะมีสภาแห่งรัฐที่มาจากการเลือกตั้งทุกๆ 5 ปี เหมือนกันหมด และมีรัฐบาลกลางทำหน้าที่ดูแลเรื่องสำคัญๆ เช่น การต่างประเทศ การป้องกันประเทศ ตุลาการ การเงินการคลัง เป็นต้น โดยมีสมเด็จพระราชาธิบดีเป็นประมุขอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญเรียกว่า “ยังดี เปอร์ตวน อากง” ซึ่งมาจากการเลือกตั้งสุลต่าน 9 รัฐ ได้แก่ ยะโฮร์, ตรังกานู, ปะหัง, เซลังงอ, เคดะห์, กลันตัน, เนกรีเซมบิลัน, เปรัก และปะลิส ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนขึ้นดำรงตำแหน่งวาระละ 5 ปี ส่วนอีก 4 รัฐ คือ ปีนัง, มะละกา, ซาบะฮ์ และซาราวัก ไม่มีสุลต่าน
ทั้งนี้ ยังดี เปอร์ตวน อากง ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับพิธีการต่างๆ นอกจากนั้นมีอำนาจในทางบริหารและนิติบัญญัติ คือ กฎหมายที่ออกมาจะต้องประกาศใช้ ถูกยับยั้ง หรือ ได้รับการแก้ไขในนามพระองค์ มีอำนาจเกี่ยวกับการกำหนดสมัยประชุมสภา แต่งตั้งหัวหน้าพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมาก หรือที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีอำนาจอภัยโทษ แต่งตั้งประธานศาลและผู้พิพากษาตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี
มาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อปี พ.ศ. 2500 ภายใต้การนำของ ตวนกู อับดุล เราะห์มัน รัฐธรรมนูญของมาเลเซียอนุญาตให้มีการจดทะเบียนพรรคการเมืองต่างๆ ได้ แต่พรรคการเมืองที่ได้รับการจัดตั้งโดย ตวนกู อับดุล เราะห์มัน คือ พรรคองค์กรสหมาเลย์แห่งชาติ หรือ UMNO (อัมโน) อันเป็นการรวมเอาพรรคของชาวมลายาหรือมลายู ชาวจีนและชาวอินเดียเข้าไว้ด้วยกัน สัดส่วนของประชากรมีชาวมลายู 68% ชาวจีน 23.2% และชาวอินเดียซึ่งส่วนมากเป็นชาวทมิฬและซิกข์ 7% และประชากรจากชาติอื่นๆ 1%
มาเลเซียโดยพรรคอัมโนได้ใช้นโยบายภูมิบุตรที่กีดกันชนชาติอื่น สนับสนุนแต่คนมลายูทั้งในทางเศรษฐกิจ การเมือง และการรับราชการ ทำให้เศรษฐกิจของมาเลเซียส่วนใหญ่จึงอยู่ในมือของชาวจีนและอินเดีย
พรรคอัมโนได้เป็นรัฐบาลต่อเนื่องเรื่อยมาเป็นเวลากว่า 60 ปี พรรคการเมืองอื่นๆ เมื่อตั้งมาแล้วก็ล้มหายตายจากไปบ้าง โดนกลั่นแกล้งบ้าง ผู้นำพรรคถูกจับกุมบ้าง และผู้มีอำนาจใช้กฎหมายเพื่อความมั่นคงของชาติในการขจัดฝ่ายตรงกันข้าม ต่อมานายแพทย์มหาธีร์ บิน โมฮัมหมัด ได้เป็นนายกรัฐมนตรีผู้ที่สามารถอยู่ในตำแหน่งได้ถึง 20 ปี แล้วจึงสนับสนุนให้นายนาจิบ ราซัก บุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรีตุน อับดุล ราซัก ซึ่งเคยอุปถัมภ์มหาธีร์มาก่อน ให้เป็นนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียสืบต่อไป
ความจริงแล้วมหาธีร์เคยตั้งทายาทการเมืองมาก่อนหลายคน โดยการตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีและประกาศว่าเป็นทายาท จะเป็นหัวหน้าพรรคและเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป แต่ทุกคนก็จะถูกปลดออกจากตำแหน่งโดยการให้ลาออกไปโดยดี ถ้าขัดขืนก็จะโดนข้อหาคอร์รัปชันบ้าง มีพฤติกรรมทางเพศที่ผิดกฎหมายอิสลามบ้าง โดย นายอันวาร์ อิบราฮิม เป็นทายาทคนแรกที่กล้าขัดขืนจึงถูกศาลพิพากษาให้จำคุก
เมื่อนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก ถูกสหรัฐอเมริกากล่าวหาว่ากระทำการฉ้อราษฎร์บังหลวง โอนเงินกองทุนของชาติไปเข้าบัญชีส่วนตัวอย่างมหาศาล มหาธีร์ก็จัดการเดินขบวนขับไล่นาจิบ แต่ไม่สำเร็จ จึงจัดตั้งพรรคแนวร่วมฝ่ายค้านขึ้นใหม่ในชื่อ ปากาตันฮารัปบัน (เหมือนคำขวัญฮารัปบันบารูของไทย) ลงสมัครรับเลือกตั้งเองโดยมหาธีร์ได้ไปทำความตกลงกับนายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำพรรคแนวร่วมฝ่ายค้านปากาตันฮารัปบันถึงในคุกเพื่อโค่นรัฐบาลของนาจิบให้ได้ โดยสัญญากันว่ามหาธีร์จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อจะโอนตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้นายอันวาร์หลังจากนายอันวาร์พ้นโทษ และมหาธีร์จะหาทางนิรโทษกรรมให้อันวาร์โดยเร็วที่สุด
ซึ่งปรากฏว่าพรรคปากาตันฮารัปบันประสบความสำเร็จ ได้ที่นั่งมากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎรถึง 122 ที่นั่ง สามารถเอาชนะพรรคอัมโนได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ มหาธีร์จึงกลับเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งด้วยความร่วมมือของนายอันวาร์ อิบราฮิม ที่ยังถูกจำคุกอยู่
ทันทีที่ได้เข้าเฝ้าปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่ง มหาธีร์ก็ขอให้ ยังดี เปอร์ตวน อากง โมฮัมหมัดที่ 5 ประกาศนิรโทษกรรมให้กับนายอันวาร์ อิบราฮิม ทันทีตามสัญญาข้อที่หนึ่ง
แต่ทว่าเวลาผ่านไป 1 ปี 8 เดือนแล้ว หลังจากที่มหาธีร์คว้าชัยชนะจากการเลือกตั้ง แต่กลับยังไม่มีทีท่าว่ามหาธีร์จะโอนตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้นายอันวาร์ อิบราฮิมเลย!!!
ถึงแม้เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มหาธีร์ จะออกมาประกาศว่าพร้อมลงจากตำแหน่งทุกเมื่อที่พรรคร่วมรัฐบาลเห็นชอบให้ตนเองวางมือก็ตาม
>> มหาธีร์ นายกฯ มาเลเซีย ประกาศพร้อมลงจากตำแหน่งทุกเมื่อ ถ้าพรรคลงมติให้วางมือ