"บิ๊กตู่" พบ ปชช.ที่สุไหงโกลก ย้ำคนสวยต้องมีสมอง ไม่ได้ว่าใคร แค่เตือนตัวเอง

"บิ๊กตู่" พบ ปชช.ที่สุไหงโกลก ย้ำคนสวยต้องมีสมอง ไม่ได้ว่าใคร แค่เตือนตัวเอง

"บิ๊กตู่" พบ ปชช.ที่สุไหงโกลก ย้ำคนสวยต้องมีสมอง ไม่ได้ว่าใคร แค่เตือนตัวเอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวกล่าวระหว่างการพบปะประชาชาที่ เทศบาลสุไหงโกลก ว่า ตนเองเป็นทหารมาก่อนอาจจะพูดจาไม่ไพเราะแต่มีความจริงใจและใจดี การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการมาติดตามการทำงานของภาครัฐซึ่งตนไม่อยากให้เป็นภาระของเจ้าหน้าที่ในการมาดูแล สำหรับการแก้ไขปัญหารัฐบาลกำลังดำเนินการอย่างเป็นระบบ ขณะนี้ทุกคนถือเป็นคนในครอบครัวเดียวกันและตอนนี้ก็มีครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น เมื่อมีปัญหาภายในครอบครัวก็ต้องแก้ไขปัญหากันเองไม่ควรให้ต่างประเทศเข้ามาแก้ไขปัญหา

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า รัฐบาลมีแผนที่จะแก้ไขปัญหาและปรับการทำงานเรื่องการบริหารจัดการน้ำให้เป็นระบบมากขึ้น โดยจะให้ทุกจังหวัดไปสำรวจแผนงานและโครงการ ทั้งคู คลอง อ่างเก็บน้ำ ระบบชลประทาน เพื่อให้ทุกโครงการสามารถเชื่อมโยงกันได้เหมือนเป็นเส้นเลือดในร่างกาย ถ้าทำได้จะเพิ่มขีดความสามารถด้านการแก้ไขน้ำท่วมและน้ำล้างอีกทั้งยังจะช่วยให้ภาคการเกษตรของไทยมีน้ำโดยใช้ในการประกอบอาชีพ

นายกรัฐมนตรี ยังถามประชาชนว่า ใครรักผม ให้ยกมือขึ้น” ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยกมือ นายกฯ จึงกล่าวว่า ตกลงเข้าใจตรงกัน เดี๋ยวก็จะหาว่าสร้างอีก ตนเป็นทหาร บางทีพูดเพราะบ้าง ไม่เพราะบ้าง แต่ใจผมมีความจริงใจ ตอนนี้หลายคนสนใจเรื่องความสวยงามเยอะ แต่สวยงามแล้วต้องมีสติปัญญา มีสมองด้วย ถามอะไรต้องตอบได้ เวลาไปสมัครงานจะยิ้มอย่างเดียวคงไม่ได้ คนไม่สวยมักมีสมอง คนสวยส่วนใหญ่มักไม่มีสมอง และที่นั่งกันอยู่ตรงนี้ทุกคนสวยและมีสมอง และขอให้เข้าใจว่าที่ตนพูดไปนั้น ไม่ได้ว่าใคร เดี๋ยวจะหาว่าไปละเมิดสิทธิคนอื่นเข้าอีกที่พูดเพราะอยากกระตุ้นตัวเอง

นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ ส.ส. ในพื้นที่อย่าทอดทิ้งประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่พรรคการเมืองอื่น รัฐบาลก็พร้อมที่จะดูแล ถ้ามาร่วมมือในช่องทางที่เป็นไปได้ โดยจะรังเกียจไม่ได้ เพราะประชาชนเป็นผู้เลือกเข้ามา และย้ำไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดก็ตาม นายกรัฐมนตรีก็ต้องดูแล

 

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ร่วมพูดคุยกับประชาชนผู้นำศาสนา และประชาชนชาวไทยมุสลิม  ที่วัดประชุมชลธารา อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ว่า  รัฐบาลนี้พูดความจริงไม่เคยโกหก ซึ่งเดินทางลงพื้นที่ในครั้งนี้เพราะมาด้วยความระลึกถึง โดยวัดนี้ มาหลายครั้งแล้วตั้งแต่สมัยตนเองเป็น ผบ.ทบ. และเกษียณอายุราชการตั้งแต่ปี 57 แต่ยังคงอยู่ ซึ่งยืนยันว่า ไม่ได้อยู่เพราะอยากมีอำนาจ และยังระบุด้วยว่า เบื่อแล้วอำนาจ ผลประโยชน์ก็ไม่ต้องการ แต่อยากให้ประชาชนมีรายได้ มากขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรี ไม่ได้พูดเพียงอย่างเดียว แต่ได้คิด อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชน

นายกรัฐมนตรี ยังได้ร้องเพลงท่อนหนึ่ง ว่า “จะเกิดชาติไหนๆ ก็ไทยด้วยกัน เชื้อสายประเพณีไม่มีขีดกั้น ด้วยอารมณ์ดี”

ทั้งนี้ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทาง ไปพบปะกับผู้นำทางศาสนาและชาวไทยมุสลิม ได้ระบุว่า ตนเองเคารพทุกคน ศาสนาสอนให้เป็นคนดี ศาสนาสอนให้ปรองดอง ศาสนาสอนให้สมานฉันท์ อย่าไปทะเลาะกัน ต้องเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน และแบ่งปันกัน โดยวันนี้ยอมรับว่าเศรษฐกิจและการเกษตร อาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง จึงต้องแก้อย่างเป็นระบบ  และต้องยอมรับว่า วันนี้มีงบประมาณน้อย แต่ยืนยันว่า รัฐบาลจะมีการกระจายเงินลงไปในทุกพื้นที่เพื่อให้ถึงมือประชาชน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังแสดงความเป็นห่วงประชาชนในพื้นที่ โดยต้องระวังระมัดในเรื่องของความปลอดภัยและขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ซึ่งเป็นการพูดจากหัวใจของชายชาติทหารเก่า พร้อมกล่าวว่า ประเทศเทศไทยรวมเนื้อชาติเชื้อไทย  ซึ่งจะเกิดที่ไหนก็แล้วแต่ เชื้อชาติใดก็ตาม แต่เราคือสัญชาติไทย

นายกรัฐมนตรี ได้พบปะนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนนราธิวาส ที่เข้าร่วมโครงการ รินน้ำใจสู่พี่น้องชาวใต้ เพื่อแนะนำการศึกษาและรับชมขั้นตอนการสอน โดย นายกรัฐมนตรี การเรียนรู้ทุกอย่าง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอกับทุกคนอะไรบ้างที่ต้องเรียนรู้และปรับตัว และที่สำคัญคือ ต้องให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก เพราะโลกก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 ซึ่งการเกษตรจะใช้แรงงานอย่างเดียวไม่ได้ เพราะวันเวลาเปลี่ยนไป เครื่องจักร หรือ เทคโนโลยี จะเข้ามาแทนที่ ซึ่งเป็นการรองรับ 5G ด้วยเช่นกัน ทุกคนจึงต้องปรับตัวเพื่อให้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวด้วยว่า การเมืองของเด็กและเยาวชน คือ ผ้าขาว ซึ่งส่วนตัวทำมาตลอด 5 ปี เพื่อทุกคน แต่หลายคนไม่เคยรู้ แต่ขอให้เชื่อมั่นว่า ทุกคนได้ประโยชน์อย่างแท้จริง หลายคนเมื่อเรียนจบก็ต้องทำงาน ซึ่งแต่ละคนก็ต้องทำงานที่หลากหลายกันไป พร้อมกล่าวติดตลกกับนักเรียน ว่า ใครอยากทำอาชีพอะไร จึงมีเสียงจากนักเรียนว่า อยากเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ อมยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า มาเป็นได้เลย ใครพร้อม แต่งานเยอะมาก

นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงการยังคับใช้กฎหมายในรัฐธรรมนูญ ด้วยว่า ในรัฐธรรมนูญ มีกฎหมายลูกอีกหลายมาตรา กฎหมายที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ก็คือ กฎหมายลูก ที่แต่ละคนต้องปฏิบัติให้ถูก และไม่ควรละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น ไม่ทำใครเดือดร้อน แต่ทุกวันนี้กลายคนยังไม่ค่อยเข้าใจ ซึ่งส่วนตัวไม่เคยทำใครเดือดร้อน มีแต่ให้ชีวิตนี้ของตัวเอง พลีเพื่อแผ่นดิน

นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างพบปะนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนนราธิวาสนายกรัฐมนตรี ว่า ขอให้ทุกคนใฝ่เรียนรู้จนเกิดความเข้าใจในสิ่งต่างๆโดยเฉพาะการขับเคลื่อนประเทศ ที่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนและอยู่บนหลักกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการดูแลการเกษตร การแก้ปัญหาที่ดินทำกิน การบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่ยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ขับเคลื่อนเป็นจำนวนมาก และยังต้องทำต่อเนื่องอีกหลายโครงการ ขณะที่ปัญหาอุปสรรคต่างๆคงต้องอาศัยความมือจากประชาชนทุกคน ทั้งนี้ที่ผ่านมาศูนย์ดำรงธรรมได้รับเรื่องราวนับล้านเรื่อง ซึ่งรัฐบาลแก้ปัญหาให้ประชาชนได้กว่าร้อยละ 80

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญคือเด็กและเยาวชนที่เปรียบเสมือนผ้าขาวจะต้องรับฟังข้อมูลที่เป็นกลางและไม่หลงเชื่อข้อมูลที่บิดเบือน ซึ่งวันนี้ทุกคนต้องช่วยกันขับเคลื่อนประเทศโดยไม่มีเวลาที่จะมาขัดแย้งกันจนทำให้กระทบต่อการดูแลประชาชน โดยเฉพาะการทำงานของรัฐบาล และขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจและเข้าใจถึงกระบวนการขับเคลื่อนประเทศผ่าน 3 อำนาจหลัก คือ อำนาจของฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ

โดยก่อนการพบปะและกล่าวกับนักเรียนเสร็จ นายกรัฐมนตรี ได้พูดติดตลกกับนักเรียนอีกครั้ง ว่าเร็วๆ นี้ จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้ถามเด็กนักเรียนว่าเข้าใจหรือไม่ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากนักเรียน เนื่องจากไม่เข้าใจความหมายที่นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง ต้นนายกรัฐมนตรีได้กล่าวคำที่ง่ายขึ้น ว่าการอภิปรายดังกล่าว คือการอภิปรายเพื่อไล่นายกรัฐมนตรี ทำให้เด็กนักเรียนที่ฟังอยู่ตอบรับด้วยเสียงที่เข้าใจ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook