ผ่าดีเอ็นเอโหดจากพ่อสู่ลูก "ไอซ์ หีบเหล็ก" ความรุนแรงเริ่มจากครอบครัว

ผ่าดีเอ็นเอโหดจากพ่อสู่ลูก "ไอซ์ หีบเหล็ก" ความรุนแรงเริ่มจากครอบครัว

ผ่าดีเอ็นเอโหดจากพ่อสู่ลูก "ไอซ์ หีบเหล็ก" ความรุนแรงเริ่มจากครอบครัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณี "นายอภิชัย" หรือ "ไอซ์ หีบเหล็ก" ลูกชายเจ้าของตลาดรายใหญ่ฝั่งธนบุรี ในซอยเพชรเกษม 47 ก่อคดีสะเทือนขวัญ ลงมือฆ่าและอำพรางศพหญิงสาวหลายราย โดยนักประดาน้ำพบชิ้นส่วนโครงกระดูกมนุษย์กว่า 200 ชิ้น และคาดว่าจะมีศพไม่ต่ำกว่า 3 ราย ถูกถ่วงน้ำไว้ในบ่อภายในบ้านพัก โดยตำรวจกำลังหาหลักฐานเชื่อมโยงกับกรณีหญิงสาวที่หายตัวในช่วงที่ผ่านมา

รายการ "เรื่องลับมาก (NO CENSOR)" ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.55 - 14.50 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (20 ม.ค.) "ดร. เสรี วงษ์มณฑา" เปิดใจสัมภาษณ์ รศ. พ.ต.ท. ดร.กฤษพงค์ พูตระกูล ประธานหลักสูตรอาชญาวิทยา ม.รังสิต และ ทนายเจ ปิยณัฐ สุขยัง เลขาประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถึงเรื่องดังกล่าว

>> เปิดประวัติ "เสี่ยไอซ์ หีบเหล็ก" ลูกเจ้าของตลาดดัง ซ้ำรอยพ่อฆ่าหั่นศพลูกจ้างสาว

จากที่ค้นพบอะไรต่างๆ มันบอกอะไรเกี่ยวกับพฤติกรรมอาชญากรคนนี้ได้บ้าง?
รศ. พ.ต.ท. ดร.กฤษพงค์ : "แน่นอนครับ พบชิ้นส่วนของมนุษย์ ก็เชื่อได้ว่ามีการฆาตกรรมเกิดขึ้นแล้ว และไอซ์น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ประการที่สอง ต้องมาพิสูจน์ต่อว่าชิ้นส่วนมนุษย์ มีบุคคลที่สูญหายหรือเสียชีวิตกี่ราย"

ดูแล้วเขาทำคนเดียวได้มั้ย?
รศ. พ.ต.ท. ดร.กฤษพงค์ : "ถ้าดูจากพฤติการณ์ เขามีการใช้เหล็กดัดขนาดใหญ่ไปทับศพ ใช้หินปูนนั่งขนาดใหญ่ไปทับอีกที รูปแบบการอำพราง เชื่อว่าเขาไม่น่าทำคนเดียว น่าจะมีผู้กระทำความผิดด้วย"

สิ่งที่เราพบ มันจะบอกเรามั้ยว่าตกลงแล้วเขาฆ่าโดยวิธีการใด?
รศ. พ.ต.ท. ดร.กฤษพงค์ : "ประการแรกต้องมาจำแนกก่อนว่ากระดูกที่พบเป็นของใคร พฤติการณ์การฆาตกรรมเขาเป็นอย่างไร แต่เท่าที่ทราบ มีพยานหลายคนเริ่มให้ข้อมูล เช่นผู้หญิงที่เคยคบหากันต้องหลบหนีออกไป หรือคนที่ได้ยินเสียงร้อง พวกนี้เป็นละแวกบ้าน ก็เชื่อได้ว่ารูปแบบการฆาตกรรมเขามีความผิดแผกไป อย่างเราพบศพหญิงสาวในหีบเหล็ก อันนี้ก็มีพยานยืนยันว่าเห็นนายไอซ์ให้หญิงสาวไปอยู่ในหีบเหล็ก"

ไอซ์บอกเขาเสพยาและมีเพศสัมพันธ์ รักมากกลัวหนี เลยไปขังไว้ในหีบ พูดแบบนี้บอกอะไรในแง่จิตวิทยาของคนๆ นี้?
รศ. พ.ต.ท. ดร.กฤษพงค์ : "ถ้าเป็นไปตามที่เขากล่าวอ้าง เชื่อว่าโดยปัญหาบุคลิกภาพ วิธีการคิดของเขาเป็นปัญหา ย้อนดูปูมหลังเขามีปัญหาตั้งแต่การอบรมเลี้ยงดูในครอบครัว เพราะฉะนั้นเขาจะพูดอะไรก็ได้ ผมเชื่อว่าเขานิยามความรักผิดไป"

ไม่คิดว่าการขังคนไว้ในหีบ ล็อกกุญแจ คนมีสิทธิ์ขาดอากาศหายใจตายได้?
รศ. พ.ต.ท. ดร.กฤษพงค์ : "คนทั่วไปเราคิดได้นะ ขนาดคนลงไปอยู่ก็อึดอัดแล้ว แต่ของนายไอซ์เท่าที่ทราบเขามีเรื่องเสพยามาเกี่ยวข้อง การเสพยาอาจส่งผลต่อภาพหลอนของเขา วิธีคิดหรือการตัดสินใจก็แตกต่างจากคนทั่วไป รวมทั้งการอบรมเลี้ยงดู ส่งผลต่อบุคลิก การตัดสินใจ ในอดีตก็ส่งผลถึงปัจจุบัน ถ้าคนทั่วไปก็ต้องตกใจนะ และพยายามตรวจสอบว่าเสียชีวิตมั้ย แจ้งเจ้าหน้าที่ตร. แจ้งญาติพี่น้องตัวเองและผู้เสียชีวิต แต่อันนี้กลับกัน เขาเลือกมีการอำพรางศพ ประการสำคัญเรายังไม่แน่ใจว่าตอนนี้มีศพกี่ราย"

เรื่องการกลัวความผิด กับเรื่องโหดร้ายเอาศพไปอำพราง อันไหนมีน้ำหนักมากกว่ากัน?
รศ. พ.ต.ท. ดร.กฤษพงค์ : "จริงๆ โดยธรรมชาติมนุษย์จะไปฆ่าใคร ทำร้ายคนเราก็กลัว แต่นายไอซ์กลับกัน ดูน่าเชื่อได้ว่าเขาทำเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา"

โทษจะเป็นยังไง?
ทนายเจ : "เรื่องนี้ต้องแยกกัน อย่างศพล่าสุดที่เอาผู้หญิงไปอยู่ในหีบ ทางกฎหมายต้องดูว่าเจตนาฆ่าหรือทำร้าย ซึ่งผมมองว่าเขาเจตนาฆ่า การเอาคนไปอยู่ในหีบไม่มีอากาศหายใจ มันเล็งเห็นผลได้ว่าอาจทำให้ถึงความตายได้"

เล็งเห็นผลกับประสงค์ต่อผลต่างกันยังไง?
ทนายเจ : "ประสงค์ต่อผลคือต้องการให้ตายเลย แต่เล็งเห็นผลอาจไม่ต้องการให้ตายในทันทีทันใด แต่เล็งเห็นได้ว่าต้องการให้ถึงแก่ความตายแน่นอน ต่างกันนิดเดียว แต่เป็นเรื่องเจตนาเหมือนกัน โทษเท่ากัน จะมาปฏิเสธว่าไม่เจตนาไม่ได้ไง"

ไอซ์จะโทษหนักกว่าปกติมั้ย?
ทนายเจ : "ทางกฎหมายผมมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เจตนาฆ่าธรรมดา เจตนาฆ่าโดยกระทำการทารุณโหดร้าย และทำให้เหยื่อทรมานก่อนสิ้นใจตาย เพราะอย่าลืมว่ามีการทำร้ายร่างกาย ก่อนนำเหยื่อเข้าไปอยู่ในหีบศพ ระยะเวลากว่าจะเสียชีวิต ไม่ใช่อยู่ในหีบจะตายทันทีทันใดนะ พยานที่เล่าให้นักข่าวฟังปรากฎว่ามีเสียงกรีดร้องให้ช่วยเหลือ ไม่ได้ไขกุญแจออก เหยื่อทรมานก่อนสิ้นใจ โทษจะเพิ่มขึ้น"

ไม่น่าจะทำคนเดียว คนที่ช่วยอำพรางศพจะโดนยังไง?
ทนายเจ : "ต้องดูว่าคนที่ช่วยมีส่วนร่วมในการทำร้ายหรือเปล่า ถ้าปรากฎว่ามีส่วนร่วมในการฆ่าหรือทำร้าย รับโทษเท่ากันเลยนะ โทษสูงสุดคือประหารชีวิต แต่ถ้าปรากฎว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการฆ่าหรือทำร้ายเลย มีส่วนช่วยอำพรางซ่อนเร้นศพอย่างเดียว มีโทษจำคุก 3 ปี"

เพื่อนไอซ์บอกว่าเคยไปงมศพ เขาจะโดนคดีอะไรด้วยมั้ย?
ทนายเจ : "ก็เป็นการเคลื่อนย้ายอำพรางศพ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี แต่ถ้าเป็นการที่ช่วยทำลายหลักฐานในการกระทำความผิด ก็จะมีโทษไม่เกิน 5 ปีเหมือนกัน จะแรงขึ้นอีกหน่อยนึง"

อดีตเคยมีคดีแบบนี้มั้ย?
รศ. พ.ต.ท. ดร.กฤษพงค์ : "ลักษณะการฆาตกรรมอำพรางในบ้านเราก็พอจะมีอยู่บ้าง เพียงแต่ว่ารูปแบบแตกต่างกัน อย่างคดีคุณหมอท่านนึงที่เคยฆ่าภรรยา ชำแหละศพใส่ชักโครก กดชักโครกเรื่อยๆ ที่พยานได้ยินเสียงกดชักโครกทั้งคืน คงที่มีทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว"

พ่อไอซ์ที่เคยมีคดีจะสืบทอดทางดีเอ็นเอได้มั้ย?
รศ. พ.ต.ท. ดร.กฤษพงค์ : "จริงๆ แล้วเราพบว่าสิ่งที่มีผลแน่ๆ คือพฤติกรรมและการเลี้ยงดู ความรุนแรงในครอบครัว อันนี้นักวิชาการยืนยันว่าส่งผลต่อบุลิกภาพ ความคิด การตัดสินใจของเด็กที่เติบโตขึ้นมา แต่ข้อมูลอีกมุมนึงทางอาชญาวิทยา ถ้าพ่อฆ่าเขาตาย เด็กจะมีพฤติกรรมเหมือนพ่อมั้ย อันนี้ไม่มีคำยืนยัน แต่อย่างไรก็ตาม เด็กอาจจะเรียนรู้ ซึมซับพฤติกรรมรุนแรงจากคุณพ่อได้"

ที่มีการบอกว่าไอซ์ตัวเล็กโดนเพื่อนแกล้งแล้วพกปืนไปโรงเรียน มันจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาโหดร้ายมั้ย?
รศ. พ.ต.ท. ดร.กฤษพงค์ : "เท่าที่ติดตามข่าวดู เคสไอซ์ตรงกับหลักวิชาการหลายอย่างมาก ทั้งที่เขาไม่ชอบเรียนหนังสือ มีพฤติกรรมก้าวร้าว เกเรตั้งแต่วัยเด็ก เหล่านี้เรียกว่าพฤติกรรมเบี่ยงเบน เด็กทั่วไปต้องเรียนหนังสือ ตั้งหน้าตั้งตาเล่าเรียน แต่ในทางกลับกันไอซ์ไม่ใช่ ข้อมูลนักวิชาการบอกว่าถ้าพฤติกรรมเบี่ยงเบนไม่ได้รับการแก้ไขให้ไปสู่บรรทัดฐานของสังคม เด็กและเยาวชนเหล่านั้นต่อไปจะมีพฤติกรรมที่เริ่มละเมิดกฎหมาย และพฤติกรรมที่ละเมิดกฎหมายถ้้าไม่ได้รับการแก้ไขอีก ต่อไปจะละเมิดกฎหมายมากขึ้นไปอีก เขาก็ตรงตามข้อมูล ไอซ์หนีเที่ยวเกเร มีพฤติกรรมใช้สารเสพติด ถึงแม้จะบอกว่าถูกเพื่อนรังแก พกปืนไปโรงเรียน อันนี้ไปกันใหญ่เลย เป็นพฤติกรรมก้าวร้าวที่แสดงออกมา เพราะฉะนั้นในเมื่อผู้ปกครอง คุณพ่อคุณแม่ฟังดูแล้ว ถ้าบุตรหลานมีพฤติกรรมเกเร ไม่ไปโรงเรียน ต้องทำให้กลับเข้ามานะ ให้อยู่ในบรรทัดฐานสังคม เพราะไม่อย่างนั้นน้องๆ จะมีแนวโน้มที่จะไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ละเมิดกฎหมาย การใช้สารเสพติด การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ก่อนวัยอันควร พฤติกรรมเหล่านี้ถ้าไม่แก้ไข ต่อไปจะเพิ่มระดับความรุนแรง อีกประเด็นนึง เราได้ยินเสมอในช่วงหลังว่ารัฐบาลเริ่มรณรงค์ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ คุณพ่อคุณแม่ต้องมีลูกเยอะ คำถามคือเราพร้อมรับมือกับเรื่องเหล่านี้มั้ย เราลงทุนกับเด็กเยาวชนการพัฒนาคนมากน้อยเพียงไหน เพราะไม่แน่วันข้างหน้าเราอาจจะเจอปัญหามากขึ้นกว่านี้นะครับ"

ปืนไอซ์อยู่ในสภาพพร้อมยิง บอกอะไร?
รศ. พ.ต.ท. ดร.กฤษพงค์ : "แน่นอน เขามีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ก่อเหตุหลายรั้ง การใช้อาวุธของเขาก็เชื่อว่าไม่ใช่เฉพาะตอนตำรวจไปพบ ก่อนหน้านั้นก็คงเกี่ยวข้องกับอาวุธแล้ว การที่อาวุธพร้อมใช้ หมายความว่าเขาพร้อมต่อสู้ ป้องกันตัว ถ้าใครจะเข้ามาทำร้ายเขา หรือจับกุมเขาก็ตาม"

มีการทวีตกับพริตตี้ทั้งหลายว่าบ้านหลังนี้ต้องระวัง?
รศ. พ.ต.ท. ดร.กฤษพงค์ : "หมายถึงว่าถ้ามีการไปทำงานที่บ้านหลังนี้ ก็อาจจะรู้กันในวงใน มีคนเรียกไปให้ชงเหล้า ร่วมปาร์ตี้สังสรรค์เฮฮาต้องระมัดระวัง จะให้มองลึกไปกว่านั้น ถ้าข้อมูลเหล่านี้เรามีการรับแจ้งอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ตรวจสอบ สืบสวนเบาะแสก่อนเกิดเหตุ ไม่ใช่พอฆ่ากันแล้วมาเริ่มทำการสืบสวน มันไม่เป็นผลดีกับใคร"

เขาบอกว่าไอซ์มีพฤติกรรมไล่ยิงคนในซอย?
รศ. พ.ต.ท. ดร.กฤษพงค์ : "แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมก้าวร้าว สะท้อนปมในใจต้องการแสดงถึงความมีอำนาจ ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไป เชื่อว่าเกิดจากการอบรมเลี้ยงดูด้วย ว่าถูกข่มเหง คุณพ่อคุณแม่เข้มงวด พอโตมาเขาก็แสดงออกด้วยภาพที่ก้าวร้าว"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook