Sanook คลุกข่าวเช้า 22 ม.ค. 63 มาตรการแก้ฝุ่น PM 2.5 พร้อมเฝ้าระวังไวรัสโคโรนา
เปิดศักราชใหม่มาได้ยี่สิบกว่าวันแล้ว ถ้าจะสวัสดีปีใหม่กับผู้อ่านที่ติดตาม sanook.com กันอีกซักรอบคงไม่น่าจะสายเกินไปเนอะ
ปีนี้ทีมงานของ Sanook เตรียมแผนพัฒนาการนำเสนอข่าวสาร เนื้อหาสาระ ความบันเทิง วาไรตี้ และไลฟ์สไตล์ เอาไว้แบบอัดแน่นจัดเต็ม แต่จะเป็นอะไรบ้างนั้นขออุบไว้ก่อน เอาเป็นว่าคอยติดตามพวกเรากันเอาไว้นะครับ
เอาล่ะ แต่อย่างน้อยๆ สิ่งหนึ่งที่อยากชวนคุณผู้อ่านที่กำลังเข้ามาอ่านเนื้อหาสรุปข่าวยามเช้าในชื่อ Sanook คลุกข่าวเช้า กันอยู่นี้ อยากให้ทุกท่านลองมองหาสัญลักษณ์รูปลำโพงเหนือตัวหนังสือของเนื้อหา ที่มีคำว่า กดฟัง แล้วลองจิ้มกันดูนะครับ ระบบ AI ที่บริษัทของเราพัฒนาขึ้นมาจะอ่านเนื้อหาในบทความตั้งแต่บรรทัดแรกให้ฟังกันเพลินๆ ซึ่งเทคโนโลยีแบบนี้เรียกว่า Text to Speech
ยังไงก็อยากให้ลองใช้งานกันดูนะครับ ระบบ AI จะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปจังหวะการอ่าน น้ำเสียง คลังคำศัพท์ รูปประโยค ก็จะมีบรรจุอยู่ในฐานข้อมูล จนซักวันหนึ่งถ้าไม่บอกเนี่ยเราอาจจะเผลอนึกไปว่าเป็นคนจริงๆ มาพูดให้เราฟัง
มาเริ่มต้นเนื้อหากันก่อนเลย เมื่อวานนี้ (21 ม.ค. 2563) มีคดีที่อยู่ในความสนใจของสังคมอยู่ 2 คดี และมีบทสรุปออกมาเป็นที่เรียบร้อย คดีแรกราว 10 โมงเช้า ศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาคดีที่ สรยุทธ สุทัศนะจินดา และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในคดียักยอกเงินโฆษณาเกินเวลาจาก อสมท.
ซึ่งผลปรากฏว่า ศาลฎีกาพิพากษาแก้ให้เป็นจำคุก 6 ปี 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญา จากที่ก่อนหน้านี้ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตัดสินยืนตามกันให้จำคุก 13 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญาเช่นกัน เนื่องจากศาลให้เหตุผลว่า นายสรยุทธ เป็นสื่อมวลชนอาวุโสทำคุณงามความดี แต่ย่อมต้องทำตัวเป็นแบบอย่างแก่สื่อมวลชนอื่น และประพฤติปฏิบัติตัวให้ดี
อย่างไรก็ตาม หลังรับทราบผลการตัดสิน ทีมงานใกล้ชิด กรรมกรข่าว นำโน้ตที่เป็นการเปิดเผยความในใจของเจ้าตัวมาโพสต์ผ่านบัญชีสื่อโซเชียล ซึ่งเนื้อหาใจความเป็นเรื่องการยอมรับคำตัดสินที่แม้ตัวเขาจะไม่เห็นด้วยในบางประเด็นแต่ก็ถือว่าได้ใช้สิทธิต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมแล้ว พร้อมระบุมีการเตรียมตัวเตรียมใจใช้ชีวิตต่อจากนี้ อย่างน้อยก็ถือว่าชีวิตได้เริ่มต้นใหม่เสียที หลังจากติดคุกสังคมมาแล้ว 4 ปี
ปฏิกิริยาของบรรดาทีมงาน เพื่อนร่วมงาน คนเด่ง คนดัง ในหลากหลายแวดวงต่างพากันมาให้กำลังใจอดีตคนข่าวที่ในช่วงเวลาหนึ่งเคยทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศ ก็ขอถือโอกาสนี้ส่งกำลังใจให้ พี่ยุทธ เช่นกันนะครับ
อีกคดีเป็นคดีในวงการเมือง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยกรณีที่มีผู้ร้องให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากมีพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง ซึ่งศาลใช้เวลาอ่านคำวินิจฉัยเพียงสิบกว่านาทีว่ามีมติยกคำร้องดังกล่าว เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่าพฤติกรรมของผู้ถูกร้องไม่มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแต่อย่างใด
แต่ศาลรัฐธรรมนูญมีความเห็นว่า ข้อบังคับพรรคอนาคตใหม่ พ.ศ. 2561 ข้อ 6 วรรคสอง อาจก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างคนในชาติ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (สำนักงาน กกต.) อยู่ระหว่างศึกษาและเตรียมเสนอให้ กกต. พิจารณาดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ลองเลียบๆ เคียงๆ ดูแล้ว กกต.อาจจะส่งเรื่องไปที่พรรคอนาคตใหม่ให้ปรับเปลี่ยนข้อบังคับ ข้อ 6 วรรคสอง ให้สอดคล้องกับกฎหมายพรรคการเมือง หลีกเลี่ยงการถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในอนาคต
ขณะที่ปฏิกิริยาในฝั่งพรรคอนาคตใหม่หลังทราบผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็ประกาศเดินหน้าทำกิจกรรมทางการเมืองต่อไป และไม่หวั่นใจกับคดีที่ยังมีค้างคาถูกร้องให้ยุบพรรคอีก 4 คดี ซึ่งบรรดาเกจิ กูรู และนักวิเคราะห์ในวงการต่างพากันแนะนำให้จับตาไปที่คดีเงินกู้พรรค เพราะมีความสุ่มเสี่ยงที่จะถูกยุบพรรคได้มากที่สุด
พ้นจากเรื่อง 2 คดีใหญ่ๆ ของเมื่อวานไปแล้ว มาวันนี้เรื่องที่ยังคงต้องติดตามก็คือ ปัญหาฝุ่นพิษ ฝุ่นจิ๋ว ฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนๆ ในสังคม ถึงขนาดที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครสั่งปิดโรงเรียนในสังกัดทั้ง 437 แห่ง เป็นเวลา 1 วัน ขณะที่มีบางโรงเรียน เช่น เซนต์ดอมินิก ประกาศปิด 3 วันตั้งแต่พุธถึงศุกร์นี้ สาธิตจุฬาฯ ฝ่ายประถม ประกาศปิด 2 วันคือ พุธและพฤหัสบดี
นอกจากนี้ บรรดานักวิชาการต่างก็เริ่มออกมาเรียกร้องมาตรการอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมจากรัฐกันมากขึ้น แม้ฝั่งรัฐบาลจะประสานเสียงว่ามีแผนรับมือไม่ต้องวิตกกังวลไป รวมถึง "ลุงตู่" ที่เมื่อวานนี้ส่งเสียงมาจากนราธิวาสที่ลงไปประชุม ครม.สัญจรว่า อึดอัดกับปัญหานี้จนถึงขั้นนอนไม่หลับเลยทีเดียว พร้อมกับสำทับว่าให้ประชาชนที่ออกมาตำหนิ ฟังรัฐบาลบ้าง
อีกเรื่องที่เริ่มน่าวิตกกังวลก็คือ ไวรัสโคโรนา ซึ่งจีนออกมายอมรับว่าสามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คนได้ พร้อมกับที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อป่วยปอดอักเสบก็มีจำนวนที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ขณะที่เมื่อวานนี้ที่เชียงใหม่ก็มีการกักตัวชายชาวจีนที่บินมาจากอู่ฮั่น เพื่อตรวจสอบว่ามีอาการติดเชื้อไวรัสโคโรนามาหรือไม่ เพราะฉะนั้นช่วงนี้พวกเราก็คงต้องระมัดระวังและดูแลสุขภาพกันอย่างเต็มที่
ประเด็นการเมืองที่ต้องติดตามก็คือ มีการออกมาเปิดเผยว่า ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เสียบบัตรแทนกันเพื่อออกเสียงลงมติในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่ผ่านมา ถึงขั้นมีการออกมาแฉว่าบุคคลที่ให้เพื่อนอีกคนเสียบบัตรแทน ในช่วงเวลาที่มีการโหวตนั้นอยู่ระหว่างเดินทางอยู่ต่างประเทศเลยทีเดียว
งานนี้ร้อนกันหลายฝ่าย ทั้งประธานสภาฯ ชวน หลีกภัย สั่งการให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะที่ "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ส่งเสียงหนักแน่นถ้าสมาชิกพรรคทำผิดจริงจะต้องถูกลงโทษ
ปิดท้ายกันที่เรื่องร้อนๆ ในแวดวงกีฬาที่ยังคงต้องติดตามกันต่อหลังจากมีการกำหนดวันเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในวันที่ 12 ก.พ. ที่จะถึงนี้ แต่ปรากฏว่าเกิดเรื่องวุ่นขึ้น เมื่อมีการตัดสิทธิการลงสมัครชิงตำแหน่งประมุขลูกหนังไทยของ "บังยี" วรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคม จนเจ้าตัวต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงแก้ต่างประเด็นต่างๆ ว่าตนเองไม่ได้ขาดคุณสมบัติอย่างที่สมาคมใช้เป็นเหตุผลในการตัดสิทธิ
ทั้งหมดนี้ก็คือ สรุปข่าวประจำเช้านี้ให้ทุกท่านได้ติดตามกัน แล้วพบกันใหม่วันพรุ่งนี้ครับ