หมอเล่าเคสอุทาหรณ์ สาวปวดท้องน้อยปีกว่าๆ เจอเนื้องอกมดลูก ใหญ่สุดในรอบ 15 ปี
ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Arak Wongworachat ของ นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผอ.โรงพยาบาลสิชล จ.นครศรีธรรมราช มีการโพสต์เรื่องราวการพบเนื้องอกมดลูกโตเท่าหัวคน เป็นก้อนที่โตที่สุดในรอบ 15 ปี ที่ทางโรงพยาบาลเคยผ่าตัดมา
ผู้ป่วยหญิงรายนี้อายุ 38 ปี มีบุตร 1 คน บุตรอายุ 16 ปี ไม่เคยแท้งบุตร มีอาการรู้สึกปวดถ่วงท้องน้อยมา 1 ปีเศษ ปวดมากเวลามีประจำเดือน ประจำเดือนมาแต่ละครั้งมามาก มาหลายวัน บางรอบเดือนมามากกว่า 7 วัน กินยาคุมบ้างเป็นบางครั้ง มีอาการจุกเสียดแน่นท้องบ่อยๆ ซื้อยากินเองกินยาโรคกระเพาะ ยาพาราฯ แก้ปวด พอมีอาการดีขึ้นบ้าง พอประจำเดือนหยุดก็หายปวดจึงไม่คิดจะไปหาหมอ เวลาต่อมาเริ่มมีปัสสาวะขัด บางครั้งต้องเบ่งปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะบ่อยๆ ปวดถ่วงท้องน้อยมากขึ้น ประจำเดือนไม่มาสามเดือน ท้องโตขึ้นมาก ท้องผูกบ่อยๆ ซื้อยาระบายกินเองเป็นประจำ
เวลามีเพศสัมพันธ์จะปวดท้องน้อยมาก จนเกิดความกลัวทุกครั้ง เวลานอนจะปวดหลัง ปวดขา ตื่นเช้ามาขาบวม จนมีเพื่อนบ้านแซวว่าท้องอีกหรือ จึงตัดสินใจไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลสิชล ส่งพบสูติแพทย์คลำหน้าท้องได้ก้อนแข็งโตขึ้นมาเหนือระดับสะดือ จึงส่งไปอัลตราซาวด์ช่องท้อง พบก้อนขนาดใหญ่ประมาณ 20 ซม. โตกว่าหัวเด็กทารกเสียอีก จึงวางแผนผ่าตัดด้วยการเปิดแผลทางหน้าท้อง ด้วยขนาดก้อนที่โตมากจึงไปเบียดกระเพาะปัสสาวะจนปัสสาวะไม่ออก กดลำไส้ใหญ่จนท้องผูกถ่ายลำบาก กดเส้นเลือดแดงใหญ่จนเลือดที่ขาไหลกลับลำบาก กดท่อปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะคั่ง ไตทำงานหนักขึ้น การผ่าตัดก็ไม่ง่ายต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้ไปตัดเอาอวัยวะอื่นที่สำคัญข้างเคียง
ในผู้ป่วยรายนี้เป็นเคสที่พบเนื้องอกมดลูกที่โตที่สุด ที่เคยผ่าตัดในโรงพยาบาลสิชล ในรอบ 15 ปี สาเหตุที่ทำให้เกิดเนื้องอกมดลูก ก็เหมือนกับสาเหตุที่ทำให้เกิดเนื้องอกประเภทอื่นๆ นั่นคือ ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร เนื้องอกที่พบส่วนใหญ่ไม่ใช่เนื้อร้าย และมีโอกาสน้อยที่จะกลายเป็นมะเร็งได้ แต่ก็พบได้เช่นกัน อันตรายของเนื้องอกมดลูกคือ การที่มีเนื้องอกขนาดใหญ่แล้วไปมีผลต่อการทำงานของอวัยวะส่วนอื่น
สุดท้ายคุณหมอฝากไว้ว่า อย่ากลัวการไปพบแพทย์ อย่ากลัวการตรวจภายใน หากรักษาตั้งแต่เริ่มแรกจะดีกว่าการปล่อยให้โรคลุกลามไปมากแล้ว ถึงแม้โดยทั่วไปเนื้องอกมดลูกจะไม่ได้เป็นอันตรายมากนัก แต่ก็ควรทำการตรวจภายในเป็นประจำ ในการตรวจสุขภาพประจำปี ปัจจุบันทางการแพทย์มีเครื่องมือที่ช่วยในการวินิจฉัยและเฝ้าติดตามดูแลขนาดของก้อนเนื้องอกได้อย่างแม่นยำถูกต้องด้วยเครื่องอัลตราซาวด์ ตรวจง่าย ไม่มีรังสี ไม่เจ็บปวดใดๆ ทำให้สามารถตรวจพบและรักษาได้ทันที