ลูกพี่ลูกน้องสาวเปิดใจรอดโดน "เสือโหย" พยายามข่มขืน แม่วอนทั้งน้ำตาให้ลูกเข้ามอบตัว
เจ้าหน้าที่ตามล่า ผู้ต้องหาเจ้าของฉายา "เสือโหย" หลังพ้นโทษได้ไม่กี่เดือน ก่อเหตุปลุกปล้ำลูกพี่ลูกน้อง จนชาวบ้านต่างพากันหวาดผวา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (28 ม.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ร.ต.อ.อนิรุตร์ พลรักษ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีเลขที่ 21/2563 ลงวันที่ 28 ม.ค.63 ในข้อหาลักทรัพย์ในเคหะสถาน เพิ่มอีกหนึ่งหมาย หลัง นายอนุสรณ์ หรือ โอ๋ อายุ 32 ปี ฉายา เสือโหย ก่อเหตุเกิดในพื้นที่ ม.10 ต.ย่านยาว อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับเพิ่งพ้นโทษออกมาได้ไม่นาน และยังมาก่อเหตุซ้ำในพื้นที่อีก และถือว่าเป็นบุคคลอันตรายในพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน น.ส.จุฑาภรณ์ อายุ 32 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย ที่ นายอนุสรณ์ หรือ โอ๋ อายุ 32 ปี ฉายา เสือโหย บุกเข้าบ้านและพยายามข่มขืน แต่ไม่สำเร็จ เล่าว่า ตนกับนายโอ หรือ เสือโหย เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ปกติตนเปิดร้านขายของชำ อยู่เยื้องๆ บ้านเช่าของแม่นายโอ พักอยู่เพียงลำพัง กับลูกแมว 1 ตัว
โดยเมื่อเวลา 01.00 น. ของวันที่ 9 ม.ค.63 ที่ผ่านมา ขณะที่ตนนอนหลับอยู่ภายในห้องพัก รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อพบว่านายโอได้บุกเข้ามาอยู่บนที่นอนและใช้อาวุธมีดจี้ที่ลำคอ ตนเอาไว้ ข่มขู่ไม่ให้ขัดขืนและส่งเสียงร้อง หากขัดขืนจะปาดคอทิ้ง พร้อมพยายามจะลวนลามข่มขืน ซึ่งตนพยายามตั้งสติ ร้องขอชีวิตและชวนพูดคุย หลอกล่อเพื่อถ่วงเวลาจนคนร้ายใจอ่อนลง
ประกอบกับลูกแมวที่ตนเลี้ยงไว้ส่งเสียงร้อง ตนจึงวางแผนขอไปเอาอาหารให้แมว ก่อนจะวิ่งเปิดประตูหลัง หลบหนีออกมาได้ โดยคนร้ายได้เพียงโทรศัพท์มือถือไป 1 เครื่อง ก่อนนำไปจำนำกับญาติพี่น้องกันเอง ไว้ 1 พันบาท ซึ่งคนรับจำนำไว้ได้นำมาคืนตนภายหลัง
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติหมายศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี เลขที่ 18/2563 ลงวันที่ 25 ม.ค.63 ข้อหากระทำชำเรา บุกรุกเคหะสถานเวลากลางคืน ใช้กำลังขู่เข็ญประทุษร้าย
ขณะที่ นางพร อาย 53 ปี ซึ่งเป็นแม่ของนายอนุสรณ์ หรือ โอ สมบุญ เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ทราบข่าวลูกชายแล้ว แต่ด้วยความเป็นแม่ ตอนนี้รู้สึกเป็นห่วงลูกชายมาก เพราะไม่ได้เจอหน้าลูกชายมาประมาณ 3 อาทิตย์แล้ว ตอนนี้ไม่รู้จะตกระกำลำบาก กินอยู่อย่างไรบ้าง
ตนอยากวิงวอน ขอร้องให้ลูกมอบตัว ยอมรับผิดเหตุการณ์ที่ก่อไว้และเกิดขึ้นทั้งหมด เพราะสำหรับตนมองว่าเป็นเพียงการก่อเหตุลักเล็กขโมยน้อย ไม่ใช้การก่อคดีฆ่าคนตายร้ายแรง อย่างที่เป็นข่าวในโลกโซเชียลที่แชร์กันและข่าวตามที่สื่อเสนอไป ตอนนี้ตนเองและลูกคนอื่นๆ ถูกชาวบ้านในพื้นที่สังคมต่อว่า จนต้องอับอายและไม่เป็นอันทำมาหากินแล้วเช่นกัน
สำหรับ นายโอ๋ ลูกชาย เป็นบุตรคนที่สอง บรรดาพี่น้องสามคน เมื่อประมาณ 5 เดือนก่อนหน้านี้หลังพ้นโทษออกมา ก็ได้กลับมาอยู่ในพื้นที่พร้อมภรรยา ซึ่งเป็นคนภาคอีสาน มีอาชีพช่วยกันหาปลา ในพื้นที่ขาย ชีวิตครอบมีความสุขดี
จนกระทั่งเมื่อประมาณเดือน ธ.ค. 62 ที่ผ่านมา ทางญาติของลูกสะใภ้ ได้ติดต่อให้เจ้าหน้าตำรวจ ส่งลูกสะใภ้กลับบ้านที่ภาคอีสาน สร้างความเศร้าโศกเสียให้แก่ลูกชายเป็นอย่างมาก เพราะได้รักภรรยาคนดังกล่าวมาก จนไม่มีจิตใจทำงานการอะไร
ซึ่งนายโอ๋ ลูกชาย ปกติจะพักอยู่อีกหมู่บ้าน แต่จะแวะเวียนมาหาตนเพื่อทานข้าวด้วยกันบ้างอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง ก่อนจะหายไปประมาณ 3 อาทิตย์ทีผ่านมา และมาทราบข่าวว่าไปก่อเหตุต่างๆไว้ ซึ่งอยากจะวิงวอนถึงลูกชายให้มอบตัวโดยเร็ว เพื่อรับโทษที่ก่อไว้ อนาคตพ้นโทษออกมาจะได้ออกมาใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นๆ ตามปกติ ไม่ต้องใช้ชีวิตหลบซ่อนเหมือนตอนนี้ ที่สำคัญตนกลัวลูกชายจะได้รับอันตรายไปกว่านี้