กษัตริย์เบลเยียมพระองค์ก่อนยอมรับผล DNA ทรงมีลูกนอกสมรส
สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 แห่งเบลเยียมยอมรับผลการตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งระบุว่า พระองค์เป็นบิดาของผู้หญิงที่เกิดจากความสัมพันธ์นอกสมรสของพระองค์ช่วงปี 1960
สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 แห่งเบลเยียม ซึ่งเพิ่งสละราชสมบัติปี 2013 ทรงยอมรับว่า พระองค์ทรงมีธิดาที่เกิดจากความสัมพันธ์นอกสมรสในช่วงปี 1960 หลังจากที่ผลการตรวจดีเอ็นเอตามที่ศาลสั่งออกมาแล้ว จากเดินที่พระองค์ทรงปฏิเสธมาโดยตลอดว่า พระองค์ไม่มีลูกนอกสมรส
เดลฟีน โบเอล พยายามเรียกร้องให้สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 ทรงยอมรับว่าเธอเป็นลูกตั้งแต่ 20 ปีก่อน แต่ฎีกาของเธอถูกปัดตกไป แม้จะมีหลักฐานว่าสมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 มีส่วนร่วมในช่วงที่เธอยังเป็นเด็ก ในช่วงที่เธอยังเด็ก เธอเรียกพ่อของเธอว่า “ปาปิลยอน” ที่แปลว่าผีเสื้อ
คดีล่าสุด โบเอลได้ยื่นฟ้องร้องอีกครั้ง และต้องสู้คดีในชั้นศาลมายาวนานถึง 6 ปีเพื่อพิสูจน์ว่าสมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 เป็นพ่อแท้ๆ ของเธอ จนศาลสั่งให้มีการตรวจดีเอ็นเอเพื่อยืนยันข้อเท็จจริง ส่งผลให้เธอมีสิทธิ 1 ใน 8 ของมรดกจากพระองค์
ทนายความของสมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 ได้ออกแถลงการณ์ว่า พระองค์ยอมรับผลตรวจดีเอ็นเอ และแม้จะสามารถโต้แย้งทางกฎหมายได้ว่า ความเป็นพ่อทางกฎหมายไม่จำเป็นต้องเป็นพ่อโดยสายเลือด แต่พระองค์มีพระประสงค์ว่าจะไม่ใช้ข้อโต้แย้งเหล่านี้ และยุติกระบวนการที่น่าเจ็บปวดนี้อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี
สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 ทรงยืนยันว่า นับตั้งแต่โบเอลเกิด พระองค์ไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องครอบครัว สังคมหรือการศึกษาของเธอเลย และพระองค์ทรงเคารพสายใยระหว่างเดลฟีน โบเอล และบิดาตามกฎหมายของเธอมาโดยตลอด
ทนายความของโบเอลกล่าวว่า เมื่อได้เห็นแถลงการณ์ของสมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 โบเอลก็รู้สึกโล่งอก เพราะชีวิตของเธอราวกับฝันร้ายที่ยาวนานจากการตามหาตัวตนของเธอ เธอถูกพ่อแท้ๆ ปฏิเสธอย่างโหดร้าย เมื่อมีการเปิดเผยความจริงออกมาให้สาธารณะรับรู้
เพื่อนของโบเอลเปิดเผยกับสื่อท้องถิ่นว่า เธอหันมาฟ้องคดีในเดือนมิ.ย. 2013 หลังจากที่ลูกสาวคนโตของเธอป่วยด้วยอาการปอดบวม ทำให้เธอรู้สึกว่าพ่อทอดทิ้งเธอ และในเดือนถัดมา สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 ก็ประกาศสละราชสมบัติด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ส่งผลให้พระองค์ไม่ได้รับการคุ้มครองจากการดำเนินคดี
ต่อมาในปี 2019 ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินว่า ฌาร์กส์ โบเอล ซึ่งเป็นพ่อตามกฎหมาย ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเธอ ศาลจึงสั่งให้ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลอีราสมุสตรวจดีเอ็นเอของเธอเทียบกับสมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2
สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 ทรงยินยอมให้มีนำตัวอย่างน้ำลายไปตรวจดีเอ็นเอ หลังจากที่ศาลขู่ว่าจะปรับเงิน 5,000 ยูโร หรือ170,000 บาทต่อวัน หากพระองค์ไม่ยินยอมให้มีการตรวจดีเอ็นเอ
ในวันที่สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 ทรงสละราชสมบัติ บารอนเนส ซิบิล เดอ เซลีส ล็องช็องป์ส แม่ของเดลฟีน โบเอลได้ออกมาพูดเรื่องความสัมพันธ์กับสมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 ในการสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรกว่า เธอคิดว่าเธอไม่สามารถมีลูกได้ เพราะเธอมีอาการติดเชื้อ ทำให้เธอและสมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 ไม่ตั้งตัวมาก่อน
เธอยังเปิดเผยอีกด้วยว่า เธอมีความสัมพันธ์กับสมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 ตั้งแต่ปี 1966 - 1984 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สวยงาม เดลฟีนก็เป็นลูกที่เกิดจากพ่อแม่ที่ไม่ได้แต่งงานกัน สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 ก็ไม่ได้มีความเป็นพ่อสำหรับเดลฟีน แต่ก็อ่อนโยนกับเดลฟีน ต่อมา สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 ยอมรับว่าทรงเคยผ่านวิกฤตในชีวิตคู่มาแล้ว แต่ปฏิเสธว่ามีความสัมพันธ์นอกสมรส