ไทม์ไลน์ความหักมุม “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” ก่อนแยกทาง “พรรคเศรษฐกิจใหม่”
ในที่สุดก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า “นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” หรือ “ลุงมิ่ง” ได้ประกาศแยกทางกับพรรคเศรษฐกิจใหม่เรียบร้อยแล้ว โดยให้เหตุผลว่าอุดมการณ์ระหว่างตนเองกับพรรคเศรษฐกิจใหม่นั้น “ไปด้วยกันไม่ได้” รวมทั้งยืนยันว่าจะรักษาจุดยืนและคำมั่นสัญญาต่อประชาชนต่อไป
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อปี 2562 บทบาททางการเมืองของนายมิ่งขวัญก็ดูเหมือนจะมาพร้อมกับความหักมุมอยู่ตลอดเวลา เริ่มด้วยภาพลักษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ บนเวทีดีเบตในรายการ “ตัวจริงชิงสภา” เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562 และโชว์แผ่นภาพเกี่ยวกับนโยบายลดราคาน้ำมัน โดยปรับใช้กลไกทางภาษีแบบเข้าใจง่าย ทว่าเวลาในการนำเสนอกลับหมดเสียก่อน ทำให้ผู้ชมในโลกออนไลน์ที่สนใจนโยบายนี้พากันวิพากษ์วิจารณ์ผู้ดำเนินรายการที่พยายามตัดจบ แต่ในที่สุด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ร่วมรายการ ได้ขอยกเวลาของตัวเองให้นายมิ่งขวัญนำเสนอต่อ ถือเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ประชาชนมีความหวังกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตย และนายมิ่งขวัญก็ได้กลายเป็น “ลุงมิ่ง” ขวัญใจคนรุ่นใหม่ คว้า 6 ที่นั่งจากปาร์ตี้ลิสต์ และเป็นหนึ่งในผู้ที่จะเลือกว่าเพื่อไทยและพลังประชารัฐ ใครจะได้เป็นรัฐบาล
แต่แล้วไม่นาน ประชาชนก็ได้ลุ้นระทึกกันอีกครั้ง เมื่อพรรคเพื่อไทยพร้อมด้วยพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ประกอบด้วย พรรคอนาคตใหม่, พรรคเสรีรวมไทย, พรรคประชาชาติ, พรรคเพื่อชาติ ประกาศร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาล เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2562 ทว่าในงานแถลงข่าวกลับไร้เงาของพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่นำโดยนายมิ่งขวัญ ส่งผลให้ประชาชนเกิดความไม่มั่นใจ ซึ่งในช่วงค่ำวันเดียวกัน นายมิ่งขวัญก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่ไม่ได้ไปร่วมลงนามในสัตยาบันกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตย เนื่องจากได้รับแจ้งข่าวอย่างกระชั้นชิด และตนได้นัดรองหัวหน้าพรรคไปดูคะแนนเลือกตั้งที่ กกต. พอดี พร้อมทั้งยืนยันว่าพรรคของตนอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และหากฝ่ายประชาธิปไตยไม่รักษาคำพูด ตนก็จะไม่ยอมเช่นกัน
ต่อมา เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2562 ประชาชนไทยต้องใจหายใจคว่ำอีกครั้ง เมื่อ #ลุงมิ่งโป๊ะแตก ติดเทรนด์ในโลกออนไลน์ จากข่าวลือที่ว่า พรรคเศรษฐกิจใหม่กำลังจะไปเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ หลายคนมองว่านายมิ่งขวัญ “พลิกลิ้น” และวิพากษ์วิจารณ์กรณีนี้อย่างเผ็ดร้อนประหนึ่งอากาศวันสงกรานต์ แต่แล้วในช่วงเย็นวันเดียวกัน นายมิ่งขวัญได้แจกยาสลายมโน โดยแถลงผ่านเฟซบุ๊กว่า กระแสข่าวที่พรรคเศรษฐกิจใหม่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐนั้นไม่เป็นความจริง และทางพรรคไม่เคยเจรจาทางการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐแต่อย่างใด
แต่ความระทึกก็ดูเหมือนจะไม่จบสิ้น เมื่อในเดือนพฤษภาคม 2562 นายมิ่งขวัญได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ โดยยังคงสถานะสมาชิกภาพของพรรคเศรษฐกิจใหม่ และตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระบบบัญชีรายชื่อไว้ ทำให้ชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์ท่าที “ยึกยัก” ของนายมิ่งขวัญ ขณะที่หลายคนมองว่านายมิ่งขวัญอาจจะย้ายข้างอีกก็เป็นได้
ในขณะที่ข่าวคราวเงียบหายไปนานหลายเดือน พรรคเศรษฐกิจใหม่ก็กลับเข้ามาอยู่ในสปอตไลต์อีกครั้ง เมื่อทางพรรคได้ยื่นหนังสือถึงผู้นำฝ่ายค้าน แจ้งมีมติขอถอนตัวจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อออกไปทำงานเป็นอิสระตามแนวทางของพรรค เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563 อีกทั้งยังเป็นที่สังเกตว่าในการประชุม 7 พรรคฝ่ายค้าน พรรคเศรษฐกิจใหม่ไม่ได้เข้าประชุมด้วยตั้งแต่กลางเดือนมกราคม และขณะที่ประชุมนั้น แกนนำฝ่ายค้านไม่ได้เอ่ยชื่อพรรคเศรษฐกิจใหม่ เพียงแต่เรียกว่าพรรคนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เท่านั้น
การถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านของพรรคเศรษฐกิจใหม่จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์นายมิ่งขวัญอีกครั้ง และในช่วงเช้าวันนี้ (3 กุมภาพันธ์ 2563) นายมิ่งขวัญได้แถลงยืนยันว่าตนและ ส.ส. ของพรรค รวม 6 คน “ยังเป็นฝ่ายค้าน” พร้อมทั้งประกาศแยกทางกับพรรคเศรษฐกิจใหม่ และยืนยันจะอยู่กับพรรคร่วมฝ่ายค้านต่อไป แม้จะเหลือตัวคนเดียวก็ตาม