ป้าน้ำตาร่วง เล่านาทีใจสลายจับได้หนุ่มใหญ่ปีนขึ้นบ้าน-ข่มขืนหลานสาววัย 13 ปี
ป้าน้ำตาร่วง จับได้หนุ่มใหญ่บ้านห่างกันแค่ 5 หลัง ก่อเหตุข่มขืนหลานสาววัย13ปี ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปราณบุรี ตามจับตัวผู้ต้องหาได้แล้ว พบเสพยาเสพติดในสวนสาธารณะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (4 ม.ค.) นางน้อย (นามสมมุติ) ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบ สภ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า มีคนร้ายเข้าไปก่อเหตุข่มขืนหลานสาว วัย 13 ปี ภายในบ้านพัก เมื่อเวลาประมาณ 00.30 น. ของวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา
นางน้อย เล่าให้ฟังว่า ตนมีศักดิ์เป็นป้าของเด็กหญิงวัย 13 ปี ซึ่งรับเลี้ยงดูแลมาตั้งแต่เกิดเนื่องจากพ่อแม่ของเด็กแยกทางกัน ส่วนผู้ต้องหาเป็นที่รู้จักมักคุ้นกับคนในครอบครัวเป็นอย่างดี ชื่อ นายณรงค์ อายุ 56 ปี อาชีพรับจ้างขับรถตู้โดยสาร ซึ่งมีบ้านพักห่างไปอีก 5 หลัง
ตามปกตินายณรงค์มักจะเดินมาข้างบ้านแล้วอ้อมมาด้านหลังบ้านเพื่อปีนหน้าต่างเข้าห้องนอนลูกชายของตน ซึ่งนอนป่วยติดเตียง แล้วมาคุยเล่นเพราะรู้จักกันมานาน โดยเมื่อปีนหน้าต่างเข้ามาคุยแล้วคุยธุระกันเสร็จก็จะปีนหน้าต่างกลับออกไป โดยจะถอดรองเท้าแตะสีขาว มีลาย ไว้ที่หน้าต่างข้างบ้าน ทำแบบนี้เป็นประจำ
แต่ในช่วงกลางดึกคืนเกิดเหตุ ซึ่งคนในบ้านเข้าห้องนอนกันแล้ว นายณรงค์เข้ามาคุยกับลูกชายอีก แต่คราวนี้บอกกับลูกชายว่า ขอออกทางหน้าบ้านแทน โดยได้เดินออกจากห้องลูกชายซึ่งอยู่หลังบ้าน ผ่านมาถึงหน้าบ้านซึ่งหลานสาว อายุ 13 ปี ซึ่งป่วยมีปัญหาด้วยโรคหัวใจมาแต่กำเนิด นอนอยู่หน้าทีวีติดกับประตูหน้าบ้าน และห้องของตนก็อยู่ตรงนั้นแต่ตอนนั้นตนนอนแล้ว
ความมาแตกเพราะลูกชายไม่ได้ยินเสียงประตูลูกปิดเปิดออก ด้วยความสงสัยคือค่อยๆ คืบคลานออกมาจากห้อง ร้องเรียกหลานให้หาน้ำให้กิน ซึ่งลูกชายบอกว่าได้ยินเสียงกุกกัก หลานสาวลุกออกมาเห็นสภาพกางเกงบิดเบี้ยว และสังเกตเห็นว่า มีคนแอบอยู่ใต้เก้าอี้นั่งโดยมีผ้าห่มคุมตัวอยู่ ลูกชายจึงได้ทุบประตูเรียกตนออกมา ตนตกใจตื่นมาเจอกับเหตุการณ์เข้า
ตนรู้สึกตกใจและเสียใจอย่างมาก จึงได้โทรศัพท์บอกลูกสาวอีกคนที่อยู่คนละบ้าน และพ่อของเด็กให้ทราบ เมื่อลูกสาวมาถึง ได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตอนนั้นนายณรงค์ยอมออกจากใต้เก้าอี้มาแล้ว บอกแต่ว่าไม่ได้ทำอะไร ถึงกับก้มกราบเท้า พูดแต่ว่าอย่าจับเขา อย่าเอาเรื่องเขาเลย ให้เห็นแต่แม่เขาที่แก่แล้ว กระทั่งรถยนต์ตำรวจเปิดไฟวับวาบเข้ามาในซอย นายณรงค์เห็นเข้าได้ฉวยโอกาสวิ่งหนีหายไปในความมืด
ป้าของเด็กหญิงผู้เสียหาย เปิดเผยต่อว่า ตนได้สอบถามหลานสาวอยู่นาน ตอนแรกเด็กไม่พูดไม่บอก เพราะเด็กมีความกลัว ไม่กล้าเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง จนยอมรับความจริงว่า เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะแบบนี้หลายครั้ง โดยครั้งแรกแค่ช่วยสำเร็จความใคร่ให้ด้วยมือที่ป่ารกแห่งหนึ่ง ก่อนจะถูกข่มขืนหลายครั้งในเวลาต่อมา โดยทุกครั้งนายณรงค์ได้พูดข่มขู่หลานสาวไว้ไม่ให้บอกใคร ไม่เช่นนั้นจะถูกตี และให้เงินเด็กเป็นค่าปิดปาก ไว้ครั้งละ 100-200 บาท ด้วยความกลัวเด็กจึงไม่กล้าบอกความจริงกับครอบครัว
ส่วนวันเกิดเหตุที่จับได้ในบ้านนั้น ยังไม่ทันจะได้ข่มขืนเพราะลูกชายตนเอะใจเสียก่อน แต่ก็ก่อเหตุอนาจารหลานสาวด้วยนิ้วไปแล้ว ทั้งนี้ นางน้อย ป้าของเด็กหญิงวัย 13ปี ถึงกับน้ำตาร่วงเมื่อเล่าย้อนเหตุการณ์ให้ฟัง
เบื้องต้น ตนพาหลานสาวไปตรวจแล้ว หมอบอกว่าพบคราบอสุจิในร่างกาย ตนจึงคิดว่านายณรงค์น่าก่อเหตุข่มขืนหลานสาวมาก่อนที่ครอบครัวตนจะจับได้ ตนรู้สึกเสียใจมากที่คนรู้จัก เป็นเพื่อนบ้านๆ อยู่ใกล้กันแค่ 5 หลัง จะมาก่อเหตุดังกล่าวได้ ตนรู้สึกสงสารหลานที่ต้องผจญกับเรื่องร้าย และต้องอยู่ต่อในสังคมที่ไม่รู้ว่าจะรับสภาพได้หรือไม่
ล่าสุด มีญาติของนายณรงค์มาพูดคุยขอให้ยอมความ แต่ใช้คำพูดไม่ดีกับครอบครัวตน ซึ่งตนและครอบครัวขอดำเนินคดีตามกฎหมายกับนายณรงค์ให้ถึงที่สุด จะไม่มีการยอมความใดๆ ทั้งสิ้น
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามความคืบหน้าในทางคดีไปยัง สภ.ปราณบุรี ได้รับแจ้งว่า ชุดสืบสวนติดตามหาข่าวกระทั่งสามารถจับกุมตัวนายณรงค์ ได้ที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ที่ ม.3 ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา และได้ควบคุมตัวมาสอบปากคำและตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย พบปัสสาวะเป็นสีม่วง อีกทั้งผู้ต้องหาได้ยอมรับว่าก่อเหตุอนาจารเด็กหญิงจริง แต่รับเพียงว่าใช้นิ้วเท่านั้น
เบื้องต้น พนักงานสวบสวนตั้ง 3 ข้อหา หนักคือ ลักลอบเสพยาเสพติดบริเวณริมถนนสาธารณะ, บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน และ ก่อเหตุอนาจารเด็กหญิง อายุ 13 ปี ควบคุมตัวผู้ต้องหาฝากขังที่ศาลจังหวัดหัวหิน ผลัดแรกแล้ว
ส่วนข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุ 13ปีนั้น ยังไม่สามารถแจ้งได้ขณะนี้เพราะต้องรอผลการตรวจร่างกายจากแพทย์ และรอสอบปากคำเด็กหญิง ซึ่งต้องนัดสอบปากคำพร้อมกับสหวิชาชีพก่อนซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย จึงจะสามารถสอบปากคำได้ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ต่อไป