เด็กชาย 4 ขวบแก้มบวม พ่อแม่โวยถูกครูตบ ชาวบ้านแห่ปกป้อง "ครูเป็นคนดี"
จากกรณีที่ นางสาวธนัญชญา อายุ 21 ปี พร้อมด้วยสามี และน้องสายฟ้า อายุ 4 ขวบ เดินทางเข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าว อ้างว่าลูกชายถูกครูที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยงู อ.หันคา จ.ชัยนาท ตบที่แก้มและปาก
นางสาวธนัญชญา เผยว่า เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา น้องสายฟ้าซึ่งเข้าเรียนที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ เมื่อกลับบ้านหลังเลิกเรียน ผู้ปกครองพบว่าน้องมีอาการแก้มบวม และบ่นว่าเจ็บ เมื่อซักไซ้ทำให้ได้รับคำตอบที่แสนปวดใจของคนเป็นแม่ คือ “ถูกครู 2 คนตบปากตบแก้ม คนละ 3 ที เพราะน้องสายฟ้าพูดเก่ง ครูรำคาญ” คุณแม่จึงรีบโทรถามคุณครูซึ่งทางคุณครูเองก็ปฎิเสธเสียงแข็งว่าไม่เคยตบน้องสายฟ้า และท้าให้ผู้ปกครองพาน้องไปตรวจร่างกายเพื่อมายืนยัน คุณแม่จึงเข้าแจ้งความที่ สภ.ห้วยงู เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย
แต่จนถึงวันนี้คุณแม่บอกว่า ร้อยเวรเองก็ยังไม่ได้รับแจ้งความเป็นคดี อีกทั้งครูคู่กรณีเองก็ประกาศกร้าวต่อหน้าหลายๆคนว่า “ไม่เกรงกลัวใคร เพราะใหญ่พอตัว” ตนจึงเกรงว่าจะมีการวิ่งเต้น ทำให้น้องสายฟ้าและครอบครัวไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงอยากให้หน่วยงานหรือผู้มีอำนาจยื่นมือให้การช่วยเหลือ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้
(6 ก.พ.63) เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนชุมชนคลองจันทร์ พบ นางสาวนริศรา หรือ ครูแขก อายุ 54 ปี ครูผู้ดูแลศูนย์เด็กเล็กฯ และนางสาวกรัณฑรัตน์ อายุ 34 ปี แม่บ้านศูนย์เด็กเล็กที่คอยดูแลเด็ก กำลังสอนเด็กๆ ให้วาดรูป ปั้นดินน้ำมัน และทำกิจกรรมสันทนาการ ให้แก่เด็กๆ ด้วยความสนุกสนาน แต่ยังมีสีหน้ากังวลกับข่าวที่เกิดขึ้น จากการสอบถามเด็กๆ เบื้องต้น เด็กๆ ยิ้มแย้มร่าเริงรักครูแขกอยากมาเรียนทุกวัน
นางสาวนริศรา เปิดเผยว่า เรื่องนี้เกิดตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา ทราบว่าทางแม่น้องสายฟ้า เข้าแจ้งความ ทางตนจึงเรียนผู้บริหาร ที่เกี่ยวข้อง พาน้องไปตรวจที่โรงพยาบาล ทางหมอก็บอกมาว่าเป็นโรคเกี่ยวกับช่องปาก ฟัน เหงือกติดเชื้อ ให้ปากคำกับตำรวจ ตามกระบวนการยุติธรรมตลอด ไม่เคยประกาศกร้าว หรือกร่าง ว่าตัวเองใหญ่มาจากที่ไหนตามที่ถูกกล่าวอ้าง เพราะตนเป็นลูกชาวนา จะไปรู้จักใครใหญ่โตได้ ประกอบกับ น้องสายฟ้า มาเข้าเรียนทีหลัง ตนจะไม่รับก็ได้แต่ด้วยความสงสารและรักเด็กจึงรับเข้ามาอยู่ในการดูแล
ส่วนวันที่ไปตรวจที่โรงพยาบาล น้องสายฟ้าก็โผเข้ามากอด ถ้าเด็กไม่รักจะเข้ามากอดทำไม ตนและผู้ดูแลเด็กอีกคน ขอยืนยันและสาบานเลยว่าไม่เคยทำเด็กมาก่อน สอนเด็กๆ แถวนี้มา 10 กว่าปี ไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้น ชาวบ้านรัก เด็กๆ รักตนทุกคน อยากให้ทุกคนอย่าฟังความฝ่ายเดียว ฟังความจริงจากปากครูบ้างก่อนที่มาด่าทอในโลกโซเชียลจนเสียหาย ตอนนี้สิ่งที่อยากพูดก็ได้พูดแล้ว ที่เหลือปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
ด้านนายเลิศฤทธิ์ พลนิกร นายกเทศบาลตำบลห้วยงู เผยว่า หลังทราบเรื่องทางเทศบาลก็ไม่นิ่งนอนใจเพราะทางเทศบาล เสียชื่อเสียงอย่างมาก รางวัลก็ได้มาโดยตลอด ศูนย์เด็กเล็กฯ ก็มีการประเมินตลอดทุกปี ผ่านทุกปี ได้รางวัลอีกด้วย ผ่านทุกอย่างทั้งเรื่องการเรียนการสอน เรื่องการพัฒนาการเด็ก จิตวิทยาสอนเด็ก ก็ผ่านตลอด ส่วนเรื่องคดีความตอนนี้อยู่ในกระบวนการสอบสวน สืบสวน หาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ตำรวจไม่ได้ไม่รับแจ้งความตามที่แม่เด็กบอกแต่อย่างใด หากเด็กโดนครูตบจริง ก็ต้องดำเนินคดี หรือหากไม่ได้ถูกตบจริงก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน
ล่าสุดเวลา 13.00 น. ชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางมาให้กำลังใจ นางสาวนริศรา รอดเหลือ หรือครูแขก อายุ 54 ปี ครูผู้ดูแลศูนย์เด็กเล็กฯ และนางสาวกรัณฑรัตน์ จามรเนียร อายุ 34 ปี แม่บ้านศูนย์เด็กเล็กที่คอยดูแลเด็ก หลังถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งชาวบ้านต่างก็บอกว่า ครอบครัวของน้องสายฟ้า นั้น รู้จักกันทั่วตลาด ชอบหาเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล ขึ้นโรงพักตลอด ไม่ใช่แค่เรื่อวนี้เรื่องเดียว ทั้งนี้ชาวบ้านยังเห็นว่าฝ่ายแม่นั้นชอบทำโทษลูกด้วยการตบตี
ด้าน นางปาริชาติ อายุ 48 ปี ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ชิดกับทางศูนย์เด็กเล็กฯ เผยว่า ในแต่ละวัน ตนจะมาที่ศูนย์ประจำ เพราะขายของอยู่ในโรงเรียน ครูแขกนั้นสอนเด็กมา 10 กว่าปี แม้ว่าเด็กจะร้องไห้ ก็ไม่เคยพูดไม่เคยตี ไม่เคยด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ใจเย็นยิ้มแย้มตลอด ถ้าครูขึ้นศาล ตัวเองก็พร้อมจะขึ้นศาลด้วย ยืนกรานว่าครูแขกไม่ได้ทำแน่นอน วันเกิดเหตุตนก็เห็นน้องสายฟ้านั่งเล่นกับเพื่อนอยู่ ไม่มีปัญหาอะไร วันทั้งวัน ไม่ได้ยินเสียงร้องของเด็กๆ สักครั้ง ยังเข้ามาหามากอดครู เดินตามครูตลอด "คนที่มาทำครูแขก นี่เลวยิ่งกว่าเสียอีก ทำไมต้องมากล่าวหากันแบบนี้"