ชุดสืบคดี สนธิ ค้นรง.สะใภ้ บิ๊กเหวียง

ชุดสืบคดียิงถล่ม สนธิ ลิ้มทองกุล บุกค้นโรงงานกลั่นไม้กฤษณา ของลูกสะใภ้ บิ๊กเหวียง ขณะที่ 2 ผู้ต้องหาหนีซุกอกนายทหาร ด้านบิ๊กนครบาลใบ้กิน หลัง ธานี แขวะตำรวจไส้ศึก

(16ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดสืบสวนสอบสวนของ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ลงพื้นที่ค้นหาพยานหลักฐาน ที่บริษัทกฤษณาฟ้าสยาม จำกัด เลขที่ 2/1 หมู่ที่ 10 ตำบลประณีต อ.เขาสมิง จ.ตราด
ขณะที่ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า บริษัทกฤษณาฟ้าสยาม จำกัด เลขทะเบียนธุรกิจเลขที่ 0105551115959 ประกอบกิจการผลิตน้ำหอมจากไม้กฤษณา เช่น สกัดน้ำมัน จดทะเบียนเมื่อ วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2551 มีชื่อนางอรทัย ฐานะจาโร ลูกสะใภ้ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตผู้บัญชาการทหารบก เป็น กรรมการบริษัท เพียงคนเดียว มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาล หลังจากพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ออกมาระบุ การสืบสวนคลี่คลายคดียิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ควรมีความคืบหน้ามากกว่านี้หากไม่มีตำรวจเป็นไส้ศึก ว่า ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบด้านการสืบสวนสอบสวนต่างปิดปากเงียบปฏิเสธที่ จะพูดถึงความคืบหน้าทางคดีแต่อย่างใด รวมถึง พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ที่มีสีหน้าเคร่งขรึมก็ปฏิเสธจะแสดงความเห็นถึงการออกหมายจับทหารและตำรวจ คดีดังกล่าวเช่นกัน กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า พล.ต.อ. ธานี เป็นผู้ดูแลอยู่

ส่วนความคืบหน้าการติดตามตัว 2 ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับข้อหา 5 ข้อหาฉกรรจ์คือร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิด ซึ่งทางราชการไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย, พาอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเปิดเผยและไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแห่งพฤติการณ์, ยิงปืนโดยใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมืองหรือที่ชุมนุมชน และสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปกระทำการเป็นซ่องโจรเพื่อกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ประกอบด้วย จ.ส.อ.ปัญญา หรือห่อ ศรีเหรา และ ส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรือนายอรรถพล ปาทานนั้น

มีรายงานว่า ชุดสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ลงพื้นที่เป้าหมายติดตามตัว 2 คนร้ายอย่างกระชั้นชิดพร้อมประสานขอตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 จากต้นสังกัดแล้วแต่ยังไร้วี่แววการนำตัวผู้ใต้บังคับบัญชามามอบตัวตามหมาย เรียก เนื่องจากทั้ง 2 อยู่ในความดูแลของนายทหารทั้งสิ้น และเป็นที่น่าสังเกตุว่า ที่ผ่านมาทีมสังหารนายสนธิมักรู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดเวลา พร้อมเร่งทำลายหลักฐานสำคัญบางส่วนไปแล้ว

ซึ่งหลักฐานตำรวจที่รวบรวมได้มีพยานพยานบุคคลและภาพที่ปราก ฎจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพคนร้ายและยานพาหนะของกลุ่มคนร้ายรวมถึงการ ติดต่อกันทางโทรศัพท์เท่านั้น ไม่มีภาพขณะก่อเหตุยิงนายสนธิแต่อย่างใด เชื่อว่าเมื่อเข้าสู่ขบวนการยุติรรมแล้วอาจมีการยกฟ้องในข้อหาฉกรรจ์ได้ รวมถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนจะเชิญตัวนายทหารชื่อเสธ " ด." มาสอบถามข้อมูลด้วย ก็คงไม่มีผลทางคดีแต่อย่างใด เพราะเสธทหารรายนี้คงให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางคดีอย่างแน่นอน