"ดร.เสรี" ฟันธง "เจ๊ปอง" ไม่ต้องยุติหน้าที่สื่อ ชี้ทำเพื่อชาติ ไม่เหมือนคดี "สรยุทธ"
"ดร.เสรี" ฟันธง! "เจ๊ปอง" ไม่ต้องยุติบทบาทในฐานะสื่อ ชี้ทำเพื่อชาติ ไม่ได้ทำผิดจริยธรรม แตกต่างจากคดี "สรยุทธ"
รายการ "เรื่องลับมาก (NO CENSOR)" ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.55 - 14.50 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (13 ก.พ.) "ทอม-ทศวรรต ทะสุวร" ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ได้สัมภาษณ์ความคิดเห็น "ดร.เสรี วงษ์มณฑา" กรณีศาลตัดสินคดีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในการบุกสถานี NBT ช่อง 11 เมื่อปี 2551 มีจำเลยทั้งหมด 5 คนหนึ่งในนั้นคือ "เจ๊ปอง-อัญชะลี ไพรีรัก" ถูกจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา สุดท้ายศาลอุทธรณ์ให้ประกันตัวออกมาได้
อยากให้ย้อนความไปปี 2551 ที่ผ่านมาเหตุการณ์เป็นยังไง?
"ตอนนั้นมีการชุมนุม แล้วก็มีเหมือนเป็นธรรมเนียม พอมีการชุมนุม เขาก็พยายามทำให้ฝ่ายรัฐบาลไม่มีโอกาสได้พูดอะไรที่อาจเป็นการครอบงำประชาชน และเขามองว่าสถานีที่จะเป็นเช่นนี้คือสถานีช่อง 11 ซึ่งเป็นสถานีอยู่ในกำกับของกรมประชาสัมพันธ์ แล้วสถานี อสมท. ซึ่งเป็นสถานีรัฐวิสาหกิจของรัฐเช่นเดียวกัน เขาก็เลยไปที่นั่น ทีนี้การที่เขาไปที่นั่นเพราะการมองว่าสถานีนี้เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลเขาถึงไป"
คดีนี้มีจำเลยทั้งหมด 5 คน คุณสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ถูกจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา แต่เจ๊ปองโดน 1 ปี ไม่รอลงอาญา ทำไมแตกต่างกัน?
"ศาลคงดูว่าใครเป็นแกนนำ อ.สมเกียรติ อาวุโสกว่าใครเพื่อน ศาลคงมองแล้วว่าการเคลื่อนไหวทำโน่นนี่ต้องมีคนสั่งการ และศาลคงมองว่า อ.สมเกียรติน่าจะมีบทบาทมากกว่าใคร ก็เลยมากกว่าคนอื่นๆ"
รัฐบาลยุคนั้นคือสมัคร สุนทรเวช ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์นี้?
"คือตอนที่พี่หมักมาเป็นรัฐบาล เขาเป็นในลักษณะที่คนมองว่าเป็นนอมินีของคุณทักษิณ เหตุการณ์ในปี 2548 ก็มีเรื่องพันธมิตรเขาใส่ๆ ว่าคุณทักษิณไม่ดียังไง สู้กันแหลกลาญ ตอนนั้น 19 ก.ย. ก็มีการจัดการ โดยมีการรัฐประหารของบิ๊กบัง ทีนี้การร่างรัฐธรรมนูญในตอนนั้น บิ๊กบังเขาปล่อยอำนาจเร็วเกินไป เขากลัวเรื่องภาพลักษณ์ว่าเป็นเผด็จการ เหตุผลของการปฏิวัติรัฐประหารเพราะว่าเหตุผลการฉ้อฉลก็ดี มีความแตกแยกก็ดี มีการทำลายองค์กรอิสระก็ดี จาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันก็ดี มันยังไม่ถูกขยายความ ปี 50 พอร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ เลือกตั้งคุณทักษิณก็มาอีก เพื่อไทยชนะอีก พอเพื่อไทยชนะปั๊บ คุณทักษิณไม่ได้อยู่ประเทศไทย ก็ต้องหาคนมาเป็นตัวแทน เป็นนอมินี ก็ได้พี่หมักนี่แหละมาแทน คนที่เขาต่อต้านคุณทักษิณก็เลยต้องต่อต้านต่อ เพราะเขายอมไม่ได้ที่จะให้คนที่อยู่ภายใต้ตรงนี้มาบริหารประเทศ เขาก็เลยลุกขึ้นมาต่อ"
บทบาทเจ๊ปองในการบุกยึดช่อง 11 มีความเป็นมาเป็นไปยังไง?
"อุ๊ย เจ๊ปองก็มีอาวุธเป็นปากไง เธอก็ไปกับเขา และยืนอยู่ที่ที่สามารถพูดจาให้คนได้ยิน ได้ฟังได้ เธอก็ใช้ปากของเธอนี่แหละให้ความรู้ประชาชน ว่าทำไมเราต้องมา เจ๊ปองก็ให้ข้อมูลตามที่เธอปฏิบัติอยู่ทุกวันนี้แหละ ที่คนดูข่าวเธอทางช่องเนชั่นก็เพราะเธอข้อมูลเยอะ ปองเนี่ยถ้าจะใช้สโลแกนกับเธอ ปองรู้โลกรู้ (หัวเราะ) ขยายความต่างๆ นานา ถ้าอยากรู้เรื่องก็ต้องฟังเจ๊ปอง เรตติ้งรายการเจ๊ปองตอนเย็น ตั้งแต่ห้าโมงครึ่งจนเกือบสองทุ่ม คนก็นั่งเฝ้าจอเพื่อดูว่าเจ๊ปองรู้อะไรมา แต่เธอรู้ลึกนะไม่ได้รู้น้อยๆ"
เหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้ไปบุกยึด แต่ไปยื่นหนังสือเพื่อชุมนุม แต่ถูกแจ้งความจับก่อน?
"เวลาที่เรามีการชุมนุมกัน คนชุมนุมก็ร้อยพ่อพันแม่ คนเราเวลาไม่พอใจมีหลายรูปแบบ เจ๊ปองไม่พอใจก็ปาก แต่บางคนอาจเลยไปถึงขนาดที่เรียกว่าแค้น พอแค้นปั๊บคนที่แค้น โมหะโทสะมันทำอะไรได้หลายอย่าง คนที่ไปเป็นร้อยเป็นพันจะทำอะไรบ้าง เจ๊ปองก็คงไม่มีปัญญาไปบอกเขาได้ ไม่รู้อารมณ์คนเป็นอย่างไร เชื่อว่าเวลานั้นคงต้องมีการทำอะไรบางอย่างที่ไม่เหมาะไม่ควร หรือเอากฎหมายมาวิเคราะห์แล้วมันผิดนี่นา ดูอย่างชุมนุมของคนบางกลุ่มบางช่วง ทำร้ายคนมีมั้ย เผามีมั้ย แล้วขโมยข้าวของมีมั้ย มันมีทุกรูปแบบ บางทีคนเป็นแกนนำเขาก็ไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้น แต่เขาคุมคนที่ไปไม่ได้ แต่เมื่อเป็นคนพาไปแล้ว คุมได้ไม่ได้ก็ต้องรับผิดชอบ"
ย้อนกลับไปมีการบุกยึดบ้านป๋าเปรม แตกต่างกันยังไง?
"เราจะไม่พูดถึงคนที่ไป เพราะร้อยพ่อพันแม่ เวลาคนไม่พอใจก็แตกต่างกัน ด่าบ้าง ทำร้ายบ้าง เราพูดถึงคนพาไป ถ้าเราดูคลิปของการพาไป จะได้ยินเสียงยั่วยุ บุกเข้าไป ดันเข้าไป เป็นการยั่วยุให้เกิดเรื่องรุนแรง แต่สำหรับเจ๊ปอง เธอไม่ยุให้ใครทำแบบนั้น เธอจะพูดว่ารัฐบาลไม่ดีต่างๆ นานา สถานีนี้ต้องหยุดออกอากาศ อย่างนั้นอย่างนี้ มันคนละเรื่องกัน ในขณะที่คลิปบ้านป๋าเปรม มีความรุนแรงอย่างชัดเจน มีการขว้างปา มันก็เห็นชัดว่าเขามีการพูดจาอย่างไร ถ้าเอาคลิปมาดู จะเห็นว่าการปราศรัยของเจ๊ปอง กับการปราศรัยของแกนนำที่เขาจะตัดสินกันเมษายนนี้ไม่เหมือนกันแน่นอน"
เจ๊ปองก็ยังอยู่ในบทบาทสื่อมวลชน มีการเปรียบเทียบคดีเจ๊ปองกับคดีสรยุทธ แตกต่างกันยังไง?
"คนละเรื่องกัน ถ้าจะนิยามนะ คดีเจ๊ปองคือคดีการเมือง ส่วนคดีคุณสรยุทธคือคดีอาญา คนละเรื่องกัน คือเจ๊ปองเธอไปในฐานะคนไม่เห็นด้วยกับการทำงานของรัฐบาล คำพูดจาคือวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล อย่างนี้เขาเรียกคดีการเมือง ในคำฟ้องมีด้วยนะ อั้งยี่ ซ่องโจรต่างๆ นานา ซึ่งศาลยกฟ้อง เพราะเห็นว่าไม่มีการซ่องสุม ไม่มีอาวุธ ไม่มีการประทุษร้าย แต่เรื่องไป ไปจริงมั้ย ก็ไปจริง แล้วคนที่ไปทำอะไรกับสถานีบ้างมั้ย ก็มี เลยต้องโดนตรงนี้ แต่คุณสรยุทธเขาไม่ได้ฟ้องคดีการเมือง เขาฟ้องที่ทำให้รัฐเสียผลประโยชน์"
คนหนึ่งทำเพื่อประเทศชาติ คนหนึ่งทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว?
"ผลประโยชน์ส่วนตัวชัดเจน"
มีคนแซะเรื่องจริยธรรมสื่อที่ควรจะมี เจ๊ปองนี่ยังไง?
"เจ๊ปองไม่ได้ทำผิดจริยธรรม ถ้าอย่างนี้คดีการเมืองก็ผิดจริยธรรมหมดสิ สมมติถ้าเราเจอรัฐบาลที่เลวร้าย จะเป็นรัฐบาลไหนก็แล้วแต่ คนเป็นสื่อจะอยู่เฉยๆ เหรอ ถ้าไปอ่านสื่อมวลชนต่างประเทศนะ คำว่าเป็นกลางของสื่อมวลชนคืออะไร คือการนำเสนอข่าวสองข้างอย่างทัดเทียมกัน แต่สุดท้ายสื่อมวลชนก็คือประชาชนต้องแสดงจุดยืนได้ นี่คือคำว่าเป็นกลางที่คนไม่เข้าใจ คนชอบคิดว่าเป็นกลางคือต้องแสดงความคิดเห็นไปทิศทางใดทิศทางหนึ่ง สื่อมวลชนก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง นอกจากช่วยคนนี้ เขาไม่ดีอย่างไรก็ปิดบัง ส่วนรายนี้เขาไม่ดีอย่างไรเราแฉเต็มที่ ความดีไม่เคยพูด แล้วสองคนเขาเถียงกัน เราเสนอข้อความข้างเดียว ข้างนี้มีข้อมูลเขาเหมือนกันแต่เราไม่เสนอ อันนี้เรียกว่าไม่เป็นกลาง เป็นกลางคือเราให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงทั้งสองข้าง แต่สุดท้ายมันต้องแสดงความคิดเห็นได้ เจ๊ปองก็มีจุดยืนของเธอ"
มีหลายคนเปรียบเทียบคดี อยากให้เจ๊ปองยุติหน้าที่สื่อมวลชน?
"ถ้าเจ๊ปองผิดจริยธรรมต้องยุติ แต่อย่างที่บอก เจ๊ปองไม่ได้ผิดจริยธรรม สิ่งที่เจ๊ปองทำ เพื่อประเทศชาติ"
ฝ่ายตรงข้ามอยากให้เจ๊ปองจำคุกแต่ไม่เป็นผล ตรงนี้ยังไง?
"เวลานี้มีคนกลุ่มหนึ่ง แค้นฝังหุ่น เขาคาดหวังว่าเขาต้องได้ตำแหน่ง ได้โน่นนี่ แต่พอพลังประชารัฐเขารวบรวมคนได้ เขาตั้งรัฐบาลได้ เขาก็ผิดหวังอย่างรุนแรง ทอมไม่สังเกตเหรอ เวลามีอะไรปั๊บประยุทธ์ต้องลาออก เหมือนเป็นแฮชแท็กของเขาเลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ฝุ่น-ประยุทธ์ต้องลาออก ไวรัสโคโรนา-ประยุทธ์ต้องลาออก ผอ.ชิงทอง-ประยุทธ์ต้องลาออก นั่นคือความต้องการของเขา เจ๊ปองชัดเจนมาก เจ๊ปองคิดว่ารัฐบาลนี้ควรต้องบริหารประเทศชาติในเวลานี้ เจ๊ปองก็เหมือนคนหนึ่งที่เชียร์รัฐบาล เขาก็อยากให้เจ๊ปองหยุด แต่ถ้าใครดูข่าว บางรอบเจ๊ปองก็ซัดแรงๆ เหมือนกันนะ บางรอบรัฐมนตรีบางคน รองนายกฯ บางคน เจ๊ปองซัดแรงมาก"
เจ๊ปองยังทำงานต่อไปได้หรือเปล่า?
"ทำได้ เพราะเจ๊ปองไม่ได้ทำผิดศีลธรรม ไม่ได้เสียจรรยาบรรณการเป็นสื่อมวลชนใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเจ๊ปองไม่ได้ไปโกงใคร ไม่ได้ใช้การเป็นสื่อแสวงหาผลประโยชน์แต่อย่างใด เจ๊ปองก็ทำข่าวอย่างตรงไปตรงมาตามลักษณะของเธอนั่นแหละ"
การทำงานในฐานะบทบาทสื่อมวลชนของเจ๊ปอง ฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคอนาคตใหม่ทำไมไม่ชอบหรือมีความหวาดกลัว?
"หมอวรงค์เป็นคนเริ่มต้นเรื่องชังชาติ ถ้ามีพฤติกรรมชังชาติอะไร เจ๊ปองก็เอามาหมดแหละ อย่างการไปลงพื้นที่พูดว่าอะไรบ้าง เจ๊ปองวิเคราะห์ออกมาหมดเลย เรื่องให้เงินกู้ไปถามเจ๊ปองสิ รอบแรกให้ดอกเท่าไหร่ รอบสองดอกเท่าไหร่ เจ๊ปองแม่นค่ะ ข้อมูลตรงนี้ไม่พลาด ส่วนคนที่เขาเป็นแฟชั่นนิสตาในสภา เจ๊ปองก็เอามาเล่นทุกชุด ชุดนี้ๆ เจ๊ปองเล่นหมดทุกเรื่องค่ะ แล้วพูดชนิดชัดเจน"
เจ๊ปองนำเสนอทุกข่าว?
"ทุกข่าว แล้วเธอขยี้ คนอื่นนิดนึง แต่เจ๊ปองไม่นิดนะคะ เธอขยี้ต่อเลย ความสามารถในการขยี้ไม่มีใครทัดเทียมเจ๊ปอง เธอบอกได้เลยว่าชุดนี้เลียนแบบดีไซเนอร์คนนี้ คนนั้น เธอพูดได้หมดเลย"
เรือสำราญที่มาเทียบท่าที่เมืองไทย มองว่ายังไง?
"รัฐบาลคงตัดสินใจยาก เพราะอีห้อย อีโหน อีโยง ก็เตรียมพร้อมที่จะด่า ถ้าไม่ให้ขึ้นก็ไม่มีมนุษยธรรม ถ้าให้ขึ้นก็จะด่าว่ามีความสามารถมากกว่าประเทศอื่นเหรอในการรับมือได้ ขนาดไม่ให้ขึ้นก็มีคนใส่แว่นตาปล่อยผมสยาย มาถึงบอกว่าประเทศโน้นนี้ก็ไม่ให้ขึ้น แล้วประเทศไทยไม่ให้ขึ้นเหรอ เขาด่าอย่างเดียว ทางคุณอนุทินมองแล้วว่าถ้าให้ขึ้นมา คน 2 พันคน 138 คนที่เราไปรับมา ยังมีพื้นที่ที่อ่าวดงตาลรองรับเขา มีจำนวนหมอ พยาบาลในการดูแล ถ้าคน 2 พันคนมา จะเอาไปไว้ไหน ต้องใช้หมอ พยาบาลกี่คน ถ้าคนเหล่านั้นอาการยังไม่แสดง เพราะ (เชื้อไวรัส) มันเพาะถึง 14 วัน ถ้าแสดงตอนขึ้นมาแล้วจะให้ทำยังไง การที่รัฐบาลตัดสินใจไม่ให้ขึ้นมามันถูกต้องแล้ว แต่พี่โมโหตรงที่ว่ามีคนไปสร้างเฟกนิวส์ว่ารัฐบาลให้ขึ้น เพื่อให้คนตกอกตกใจ คงอยากให้กลับไปที่เดิมมั้ง รัฐบาลเฮงซวย อยากให้ประชาชนกลัว"
ฝ่ายไม่ชื่นชอบรัฐบาล เขามองเรื่องมนุษยธรรม อาจารย์มองยังไง?
"เมื่อเขาเห็นรัฐบาลไม่ให้ขึ้น เขาก็ด่าเรื่องมนุษยธรรม รัฐบาลทำอะไรก็โดนด่า ดังนั้นขอให้รัฐบาลทำอะไรที่ถูกต้องโดยไม่ต้องไปสนใจพวกนี้ เพราะรัฐบาลไปซ้ายก็ด่า ไปขวาก็ด่า เดินหน้าก็ด่า ถอยหลังก็ด่า หยุดอยู่กับที่ก็ด่า อยากทำทำเลยค่ะ อย่าไปสนใจคนเหล่านี้"
มีคนพูดถึงว่าความพร้อมทางการแพทย์พร้อมมากน้อยแค่ไหนในการช่วยเหลือ?
"เราพร้อมในแง่ความสามารถ แต่เราไม่พร้อมในแง่จำนวน เวลาเราจะทำอะไรก็ตามมันมี 2 ด้าน คือ ปริมาณและคุณภาพ ถ้าทอมทำข่าวเยอะๆ แต่ข่าวไม่มีคุณภาพ ความเยอะก็ไร้ความหมาย ถ้าทอมทำข่าวมีคุณภาพแต่ทำได้น้อย มันก็ไม่คุ้มกับเงินเดือน ตอนนี้หมอและพยาบาลถ้าดูจากจำนวนการรักษาหาย ถ้าดูด้านคุณภาพเราไม่แพ้ใครแน่นอน ของเราไม่มีตายและรักษาหายเยอะที่สุด ในเชิงคุณภาพเราใช้ได้ แต่คน 2 พันคน เราจะเอาหมอมาจากที่ไหน หมอจะพอมั้ย ขณะเดียวกันสถานที่รองรับพวกเขาจะเป็นอย่างไร เราไม่ได้ดูถูกหมอ พยาบาล รัฐบาลไทยในแง่คุณภาพ แต่เราเป็นห่วงด้านปริมาณว่าจำนวนคนเยอะขนาดนั้น เราจะไปรับเขาได้ยังไง"
แต่ฝ่ายค้านโยงกัมพูชาเปิดท่าให้เลย?
"นี่ไง เขาเคยด่ารัฐบาลว่าถ้าหากให้ขึ้นมาแล้วดูแลไม่ได้จะเกิดยังไง เขาด่าไปเรียบร้อย ตอนนี้กัมพูชาเขารับ เขาก็เปลี่ยนทิศด่าไง เราไม่มีมนุษยธรรม เขมรเขายังรับเข้าไปเลย ถ้าเขาจะด่า ไม่ให้ขึ้นเขาก็ด่า ให้ขึ้นเขาก็ด่า กัมพูชาเขาพร้อมเสี่ยงก็ให้เขาเสี่ยงไป สมมติกัมพูชารับไปแล้วบริหารไม่ดี เกิดมีคนในกัมพูชาติดเพิ่มขึ้น ก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลกัมพูชาเขาจะโดนอะไรจากคนกัมพูชาบ้าง"
มีความคิดเห็นของ อ.ปิติ จากเศรษฐศาสตร์จุฬาฯ ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าเป็นการแสดงถึงความไร้มนุษยธรรม ที่ไม่ให้เรือเทียบท่า?
"อย่างที่บอก ถ้าทำตามที่ อ.ปิติเสนอ แล้วฝ่ายค้านเขาจะเล่นงานยังไง เขาบอกรัฐบาลเอาคนไทยเข้ามาเสี่ยง อย่างนี้เป็นต้น ขณะเดียวกัน อ.ปิติบอกว่าเรากำลังสูญเสียโอกาสทางการท่องเที่ยว แต่การท่องเที่ยว เงิน ความวิตกกังวลของประชาชน ความเสี่ยง สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่เราต้องพิจารณามากกว่าหนึ่งอย่างนะ ถ้าเรามองแค่ตัวเงินอย่างเดียว แล้วประชาชนวิตกกังวลล่ะ ถ้าประชาชนไม่พอใจล่ะ ขึ้นมาแล้วมีจำนวนคนติดเพิ่มขึ้นจากกรณีนี้ล่ะ สิ่งต่างๆ นานาเหล่านี้ต้องมองเพิ่มเติมด้วยนะ จะทำอะไรก็ตาม คำว่าดุลยภาพระหว่างมิติที่ 1 มิติที่ 2 มิติที่ 3 มันต้องมี อย่ามองมุมเดียว มุมมนุษยธรรมก็หนึ่งมุม รายได้การท่องเที่ยวก็หนึ่งมุม ความวิตกกังวลของประชาชนก็หนึ่งมุม ความเสี่ยงที่ประชาชนจะได้รับเชื้อก็อีกหนึ่งมุม เอาพวกนี้มาชั่ง ตวง วัด จนเราคิดว่ามันเป็นทางออกที่ดีที่สุด สำหรับพี่ พี่มองว่ามุมมนุษยธรรมก็ต้องมี แต่ถ้าทำประชาชนวิตกกังวลและเสี่ยงจนเกินไป ในสภาวะเช่นนี้ เอาเป็นว่าอย่าไปนึกเสียดายเงินตรงนั้นเลย เพราะถ้าเราได้เงินจากการท่องเที่ยว แต่ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย วิตกกังวล ต้องเสียเงินเสียทองมารักษา อันนี้ไม่คุ้มกันหรอก"
อัลบั้มภาพ 4 ภาพ