อิมพีชเมนต์ กระบวนการมหัศจรรย์ ป้องกันประธานาธิบดีลุแก่อำนาจผูกขาดเก้าอี้
เมื่อวันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ บรรดาวุฒิสมาชิกของสหรัฐอเมริกาลงมติให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พ้นผิดทั้ง 2 ข้อกล่าวหาจากการฟ้องร้องกล่าวโทษ (อิมพีชเมนต์) ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาต่อวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา คือ
1) การใช้อำนาจโดยมิชอบ กล่าวคือ ประธานาธิบดีทรัมป์ถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎหมายด้วยการกดดันให้ผู้นำยูเครนขุดคุ้ยข้อมูลการทำธุรกิจที่อาจมีการคอร์รัปชันในประเทศยูเครนของบุตรชายของนายโจ ไบเดนทางโทรศัพท์เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2562 เพื่อที่ทางยูเครนจะได้ทำการสอบสวนไปถึงนายโจ ไบเดน คู่แข่งคนสำคัญของประธานาธิบดีทรัมป์ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้
โดยประธานาธิบดีทรัมป์อ้างถึงเงินช่วยเหลือที่รัฐสภาอเมริกันได้อนุมัติให้ช่วยเหลือประเทศยูเครนเป็นข้อแลกเปลี่ยน ซึ่งการขอให้ชาวต่างชาติช่วยกระทำการเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายของสหรัฐอเมริกา
2) ขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา ด้วยการห้ามและสกัดทั้งเอกสารและพยานบุคคลที่สภาผู้แทนราษฎรร้องขอไปทางทำเนียบขาว เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรทำงานด้วยความยากลำบากซึ่งเป็นการผิดกฎหมายของสหรัฐอเมริกาเช่นกัน
บรรดาสมาชิกวุฒิสภาซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากได้พากันลงมติให้ประธานาธิบดีทรัมป์พ้นจากญัตติถอดถอนทั้ง 2 ข้อกล่าวหา โดยชัยชนะในวุฒิสภาครั้งนี้ส่งผลให้ทรัมป์รอดตัวจากการถูกถอดออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี เนื่องจากได้เสียงไม่ถึง 2 ใน 3 ของจำนวนวุฒิสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ 100 คน
ทั้งนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ ที่ถูกรัฐสภาไต่สวนเพื่อการถอดถอนที่มีคดีความถึงวุฒิสภา
กระบวนการอิมพีชเมนต์ (การฟ้องร้องกล่าวโทษต่อประธานาธิบดีว่าทำผิดกฎหมาย) ของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้วุฒิสภาถอดถอนประธานาธิบดีออกจากตำแหน่งนั้น จึงเป็นเรื่องทางการเมืองไม่ใช่เรื่องทางตุลาการ โดยอิมพีชเมนต์ยึดความผิด 3 ฐานด้วยกันคือ
1) ความผิดฐานทรยศต่อประเทศ (treason)
2) ความผิดฐานรับสินบน (bribery)
3) ความผิดอาญาระดับสูงและประพฤติมิชอบ (high crime and misdemeanors)
ทั้งนี้ บรรดาผู้ร่างรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกาเมื่อ 200 กว่าปีมาแล้วไม่ต้องการให้มีกษัตริย์มาปกครองประเทศอีก จึงกำหนดเรื่องการอิมพีชเมนต์ไว้ในรัฐธรรมนูญโดยกำหนดฐานความผิดที่เป็นความผิดอาญาต่อประเทศ ที่ไม่ใช่ฐานความผิดอาญาส่วนตัวเอาไว้กว้างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ประธานาธิบดีสามารถแปลงตำแหน่งประธานาธิบดีไปเป็นกษัตริย์ได้นั่นเอง (มีตัวอย่างเช่นประธานาธิบดีของไต้หวันและประธานาธิบดีของสาธารณรัฐแอฟริกา เคยทำมาแล้วก่อนหน้านี้)