ชวน ชี้ประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมือง ลั่นคนใจเสาะคิดว่าพรรคไปไม่รอด เลยทิ้งพรรค
นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา แสดงปาฐกถาเรื่องการยกระดับพรรคการเมืองให้เป็นสถาบันทางการเมือง ซึ่งหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูงของ กกต. รุ่นที่ 10 จัดขึ้น
โดยนายชวน กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้รับการยอมรับทางวิชาการว่าเป็นพรรคที่มีความเป็นสถาบันทางการเมืองมากที่สุด ส่วนตัวมองว่าเป็นเพราะการตั้งพรรคมาตั้งแต่ต้นเริ่มจากคนดี ไม่ได้ตั้งมาเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง
ดังนั้น พรรคจะเป็นอย่างไรก็อยู่ที่คนในพรรค พรรคการเมืองต้องเอาคนที่มีศักยภาพเข้ามา ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์เผชิญกับคดียุบพรรคมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่เพราะพรรคเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เพราะตนเตือนพรรคมาตลอดว่าทำอะไรก็ได้ แต่อย่าทำให้ผิดกฎหมาย อีกทั้งพรรคการเมืองดำรงอยู่ได้เพราะคนในพรรคต้องตั้งใจทำงานการเมืองจริงๆ คนเหล่านี้เมื่อประสบปัญหาเขาจะไม่หวั่นไหว ไม่น้อยเนื้อต่ำใจไม่คิดที่จะทิ้งพรรค ไม่ว่าพรรคจะขึ้นหรือจะลงจะได้เป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ถ้าผู้บริหารพรรคใจเสาะ ก็คงคิดว่าพรรคไปไม่รอดแล้วเลยทิ้งพรรคไป
ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เคยเผชิญเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2522 คนก็ออกไปจากพรรคเกือบหมด นายสมัคร สุนทรเวช ก็ออกไปตั้งพรรคใหม่ กรรมการบริหารพรรคก็ตามออกไป ตนก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกชวนให้ออกไป แต่ได้ปฏิเสธและขอยืนหยัดอยู่กับพรรคเพราะคิดแบบคนบ้านนอก จริงใจจริงจัง คิดแค่ว่าถ้าสิ้นสุดพรรคประชาธิปัตย์ไปจริงๆ ตอนนั้นตนคงกลับไปเป็นทนายความ ไม่เคยคิดที่จะไปตั้งพรรคใหม่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเมื่อตัดสินใจทำงานการเมืองในระบบนี้ก็ต้องยืนหยัดแบบนี้
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าคำกล่าวในระหว่างการปาฐกถาของนายชวนข้างต้นนั้น มีขึ้นในวันเดียวกับที่นายกรณ์ จาติกวณิช ประกาศชื่อพรรคใหม่อย่างเป็นทางการว่า "กล้า" พร้อมกับที่มีการส่งนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ไปแจ้งจดทะเบียนจัดตั้งพรรคที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (สำนักงาน กกต.) ซึ่งทั้งนายกรณ์และนายอรรถวิชช์เป็นอดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่เพิ่งลาออกจากพรรคมาตั้งพรรคใหม่
อ่านเพิ่มเติม