ยังไร้คำขอโทษจากสองพี่น้อง อาจารย์ ม.ดัง เมาแล้วขับ-น้องสาวขวางตำรวจ
ตำรวจยังไม่ส่งฟ้อง "อาจารย์มหาวิทยาลัยดัง" เมาแล้วขับ รอสอบพยาน-เจรจาค่าเสียหายที่ขับรถเฉี่ยวชนผู้อื่น ยืนยันให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบกุล ผู้กำกับการ สภ.พระประแดง เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น ถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ นายวิชญ์ อายุ 48 ปี เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่ง ที่เมาแล้วขับ เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์สายตรวจ และร้านข้าวต้มในพื้นที่ อ.พระประแดง ได้รับความเสียหายและมีผู้บาดเจ็บ ภายหลังถูกตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 161 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ ว่า หลังเกิดเหตุ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา เป็นผู้ขับขี่รถขณะเมาสุราเฉี่ยวชนผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังประทุษร้าย ก่อนที่นายวิชญ์ จะใช้สิทธิ์ในการขอประกันตัวออกไป
ซึ่งคดีนี้ยังไม่มีการยื่นฟ้องต่อพนักงานอัยการ เนื่องจากยังต้องรอตรวจสอบสภาพรถที่เสียหาย สอบพยานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเจรจาไกล่เกลี่ยค่าเสียหายในส่วนของผู้บาดเจ็บ และทรัพย์สินที่เสียหายด้วย ส่วนจะมีการนัดเจรจากันในวันใดอยู่ระหว่างการหารือกัน
ในส่วนของน้องสาวของนายวิชญ์ ที่เข้ามาขัดขวาง การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ขณะนี้อยุ่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าจะมีการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ หรือไม่ ซึ่งตั้งแต่เกิดเรื่อง จนถึงขณะนี้ ทั้ง 2 พี่น้อง ยังไม่มีการติดต่อเพื่อจะเข้ามาขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
ผู้กำกับการ สภ.พระประแดง ยังระบุด้วยว่า ในส่วนของนายตำรวจที่ปฏิบัติงานในวันเกิดเหตุและปรากฎในคลิป ว่ามีการถกเถียงกับผู้ต้องหาและน้องสาวนั้น ตนเองรวมถึงผู้บังคับบัญชาก็ได้ให้กำลังใจ โดยตัวของนายตำรวจคนดังกล่าวก็ยังมีขวัญกำลังใจดีอยู่
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีอาจารย์มหาวิทยาลัย เมาสุราขับเก๋งวอลโว่ พุ่งชนรถจยย.สายตรวจและชาวบ้านบาดเจ็บ 3 ราย แต่น้องสาวผู้ก่อเหตุเข้าขวางทำทุกอย่างไม่ให้นำตัวพี่ชายไปตรวจวัดแอลกอฮอล์ ตะโกนลั่น “เป็นผู้หญิง ถูกทำร้าย”
ภายหลังพี่ชายถูกแจ้งข้อหา “เป็นผู้ขับขี่รถขณะเมาสุราเฉี่ยวชนผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินเสียหาย และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังประทุษร้าย” เหตุเกิดในท้องที่ สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นได้พูดคุยปรึกษากับ พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
ซึ่งที่ผ่านมาการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจมักตกเป็นจำเลยของสังคม ซึ่งหากตำรวจประพฤติตนอยู่ในกรอบของกฎหมาย ยืนยันว่าต้องได้รับความเป็นธรรมแน่นอน ข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง ในส่วนอาจารย์มหาวิทยาลัยยืนยันว่า เมื่อตรวจวัดแอลกอฮอล์ผลเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ปกติแล้วหากมีการปฏิเสธเป่าเมา กฎหมายให้สันนิษฐานว่าเมา โดยขณะนี้ตัวอาจารย์คนดังกล่าวได้ถูกส่งฟ้องศาลไปเรียบร้อยแล้ว
รองโฆษก ตร.กล่าวว่า ในส่วนกรณีที่คลิปมีการโต้เถียงกัน เป็นเรื่องที่ต้องใช้วิจารณญาณ หากเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ทางตำรวจก็จะจัดการอยู่แล้ว ทั้งนี้ ในส่วนของน้องสาวผู้ก่อเหตุมีการพูดจาด้วยถ้อยคำรุนแรง จะเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานหรือไม่ ต้องบอกว่าตำรวจไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชน มันเป็นสิ่งที่ตำรวจต้องอดทนต่อความเจ็บใจ
หากจะเอาคำพูดของประชาชนที่เราปฏิบัติหน้าที่มาถือเป็นอารมณ์ และไปฟ้องร้องทุกคดีคงจะเป็นไปไม่ได้ จึงอยากให้เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษา ว่าการทำงานตำรวจก็มีหัวจิตหัวใจแต่เราต้องอดทน ทำงานตามหน้าที่ไมได้ไปกลั่นแกล้งใคร