แม่พิการวอนช่วย ลูกสาววัย 11 ขวบถูกพ่อแท้ๆ ข่มขืนเป็นปี คนเล็ก 4 ขวบก็โดนด้วย
(20 ก.พ.63) ที่สน.คันนายาว นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พา นางอร (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นผู้พิการทางการเคลื่อนไหว พร้อมเด็กหญิงเอ๋ (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี และเด็กหญิงอ้อย (นามสมมุติ) อายุ 4 ปี ลูกสาวทั้งสองคนเดินทางไปพบกับ พ.ต.อ.วาสุเทพ คงกล่อม ผกก.สน.คันนายาว เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี ที่เด็กหญิงสองพี่น้อง ถูกพ่อแท้ๆ ข่มขืนและกระทำอนาจาร มานานเป็นปี และขอคัดค้านการประกันตัว หากจับกุมตัวได้แล้ว เนื่องจากกลัวจะถูกฆ่าเพราะผู้ต้องหาเคยขู่ฆ่าเอาไว้
ด้านนางปวีณา ได้ประสานพ.ต.อ.วาสุเทพ โดยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พาเข้าแจ้งความ, ตรวจร่างกายที่ รพ.ตำรวจ และสอบสหวิชาชีพเด็กแล้ว ทั้งนี้ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการออกหมายจับพ่อของเด็ก ในข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำว่า 13 ปี โดยเป็นผู้สืบสันดาน และกระทำอนาจารเด็ก
โดยเมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา นางอร ได้พาลูกสาว 2 คน เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา แจ้งว่า ตนอยู่กินกับนายเอก (นามสมมุติ) อายุ 42 ปี มานานกว่า 10 ปี มีลูกสาวด้วยกัน 2 คน คือ เด็กหญิงเอ๋กับเด็กหญิงอ้อย อาศัยกันอยู่ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งในซอยวัชรพล ย่านบางเขน กรุงเทพฯ โดยตนเองมีอาชีพเป็นพนักงานทำความสะอาดหมู่บ้านมีหน้าที่คอยกวาดถนนดูแลความเรียบร้อยในหมู่บ้าน ขณะที่นายเอก เป็นคนงานก่อสร้าง มีนิสัยชอบดื่มสุรา วันไหนเมาก็จะไม่ไปทำงาน ระยะหลังมักจะอยู่แต่ในห้องเช่ากับเด็กหญิงเอ๋ ลูกสาวคนโต ซึ่งทีแรกตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร
กระทั่งเมื่อปีที่แล้วตนได้เห็นกับตาว่า นายเอก กำลังกระทำอนาจารเด็กหญิงเอ๋ จึงได้ต่อว่าไปจนเกิดการทะเลาะกันรุนแรง และนายเอกได้ทำร้ายร่างกายตน พร้อมกับขู่ฆ่า หากนำเรื่องดังกล่าวไปบอกใคร ที่ผ่านมาตนเอง พยายามขอร้องไม่ให้นายเอกทำอนาจารกับลูกอีก ซึ่งนายเอกก็รับปากแต่ก็พบว่ายังแอบทำพฤติกรรมเช่นเดิมกับเด็กหญิงเอ๋อยู่เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งลูกก็มาบอกกับตนว่าไม่กล้าขัดขืนเพราะกลัวพ่อจะทำร้าย และยังเห็นพ่อทำกับน้องอีกหลายครั้งด้วย
ภายหลัง ตนทนไม่ได้ จึงโดยนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับพี่ที่ทำงานซึ่งสนิทกันก่อนจะพาตนมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ ซึ่งตนเองต้องการดำเนินคดีกับนายเอกให้ถึงที่สุด
หลังรับเรื่อง นางปวีณา ได้ประสาน ผกก.สน.คันนายาว ก่อนมอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิ พานางอรและลูกสาวทั้งสองคนไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายเอกทันที จากนั้นตำรวจได้ส่งเด็กหญิงทั้งสองคนไปตรวจร่างกายที่รพ.ตำรวจ ซึ่งผลตรวจร่างกายเด็กหญิงเอ๋ พบร่องรอยถูกล่วงละเมิดทางเพศ ส่วนเด็กหญิงอ้อย มีร่องรอยบวมแดงบริเวณหว่างขา จากนั้นตำรวจได้นัดสอบสหวิชาชีพเด็กหญิงเอ๋และเด็กหญิงอ้อย ซึ่งเด็กทั้งสองคนให้การยืนยันชัดเจนว่าถูกพ่อกระทำอนาจาร
ด้านประธานมูลนิธิปวีณาฯกล่าวว่า ขณะนี้ แม่ลูกทั้ง 3 คน มีอาการหวาดกลัวมาก จึงต้องมาอยู่ในความดูแลของมูลนิธิฯ โดยอาศัยในบ้านพักของมูลนิธิปวีณาฯ ล่าสุด ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งทางนิติวิทยาศาสตร์และพยานบุคคล ประกอบสำนวนคดีเพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับ ในข้อหา กระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 13 ปี โดยเป็นผู้สืบสันดาน และกระทำอนาจารเด็ก
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุ ซี่งเป็นพ่อแท้ ๆ ของเด็กทั้ง 2 คนได้แล้ว โดยผู้ต้องหายอมรับว่า ล่วงละเมิดทางเพศลูกสาวแค่คนเดียว และไม่ได้เป็นการบังคับข่มขู่ ซึ่งส่วนตัวรู้สึกสำนึกผิดแล้ว โดยจากนี้ ทางตำรวจจะได้ควบคุมตัวไปสอบสวนพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป