ปิดฉาก 708 วัน เมื่อ “พรรคอนาคตใหม่” ถูกลบชื่อออกจากการเมืองไทย
ปิดฉาก 708 วันของ "พรรคอนาคตใหม่" ที่อยู่บนถนนการเมืองไทยมาเพียงแค่ระยะเวลาเกือบ 2 ปี นับตั้งแต่วันก่อตั้งพรรคของพวกเขาขึ้นมาในวันที่ 15 มีนาคม 2561 จนมาถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ที่เป็นวันสุดท้ายของพรรคการเมืองเลือดใหม่พรรคนี้ ที่ต้องปิดฉากลง
ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่จากประเด็นการกู้ยืมเงินจากธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 191.2 ล้านบาท และมันคือความผิดตามกฎหมายที่บัญญัติเอาไว้
คำสั่งยุบพรรคยังพ่วงไปถึงกรรมการบริหารพรรคอีก 16 ชีวิตในบ้านสีส้ม ที่ต้องม้วนเสื่อหยุดการทำงานทางการเมืองไปอีก 10 ปี
ตลอดระยะเวลาการเดินทางของพรรคการเมืองที่ชื่ออนาคตใหม่ อุดมไปด้วยความเผ็ดร้อนบนสนามการเมือง โดยเฉพาะการตั้งธงต่อสู้กับขั้วอำนาจเดิมที่ยังคงมีอำนาจอยู่ในปัจจุบัน ภายใต้การนำของคนการเมืองหน้าใหม่คือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรองประธานบริหารบริษัทไทยซัมมิท และ ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมไปถึง พรรณิการ์ วานิช จากนี้ถือได้ว่าพวกเขาปิดฉากอย่างสมบูรณ์แล้วกับการทำงานการเมืองภายใต้ชื่อพรรคอนาคตใหม่ ที่ต้องเป็นไปตามคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ
แนวทางการดำเนินงานของพรรคอนาคตใหม่ ที่สามารถดึงเอาฐานเสียงของคนรุ่นใหม่มาอยู่ในมือได้ โดยมีจุดยืนต่อต้านรัฐประหารเป็นแกนสำคัญของพรรค ด้วยความที่เป็นพรรคใหม่ หน้าใหม่บนสนามการเมือง ภาพลักษณ์ดังกล่าวที่แปลกใหม่ สด จึงเป็นอีกทางเลือกของคนรุ่นใหม่ที่เริ่มสนใจทางการเมือง ทำให้กลุ่มฐานเสียงของพรรคคือกลุ่มคนที่อยู่อาศัยในเมือง กลุ่มนักศึกษา รวมถึงผู้ที่เบื่อหน่ายทางการเมืองแบบเก่าๆ
ที่ผ่านมา พรรคอนาคตใหม่ เน้นชูนโยบายบน 2 ฐานหลัก คือ นโยบายในระดับฐานราก และนโยบายเสาหลักของพวกเขา โดยสามารแบ่งได้เป็น
นโยบายฐานราก ประกอบด้วย
- การกระจายอำนาจ
- รัฐสวัสดิการ
- ลงทุนการศึกษา
นโยบายเสาหลัก ประกอบด้วย
- การต่อต้านการผูกขาด
- พัฒนาการขนส่งสาธารณะ
- การส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตร การแก้ปัญหาเอกสารสิทธิ์ที่ดิน และการพักหนี้เกษตรกร
- ส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
- ส่งเสริมการปกครองแบบโปร่งใส
- ยอมรับความหลากหลาย
- การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
- การเลิกการเกณฑ์ทหาร และการปฏิรูปกองทัพ
แต่กระนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่าพรรคอนาคตใหม่ต้องการจะล้มล้างอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเดิม ที่ยังคงมีอำนาจต่อเนื่องในห้วงเวลาปัจจุบัน นั่นคือการพุ่งเป้า "ล้างมรดกรัฐประหาร" ให้หมดไปจากเมืองไทยให้ได้ ซึ่งก็ทำให้เกิดทั้งกระแสต่อต้าน และกระแสสนับสนุน
ที่น่าสนใจคือ ก่อนหน้าคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญจะออกมา อนาคตใหม่ มีส.ส.อยู่ในมือทั้งหมด 81 คน แต่ระหว่างที่ได้ส.ส.มาเพียงไม่กี่เดือนก็ทำให้จำนวนส.ส.ลดลงเหลือ 76 คน เนื่องจากมีส.ส.ที่ถูกเรียกกันว่า "งูเห่า" แปรพักตร์ไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่น 4 คน ขณะเดียวกันธนาธร ก็ถูกคำสั่งศาลให้พ้นสภาพความเป็นส.ส.ไปก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน ในส่วนกรรมการบริหารพรรค ที่มีอยู่ 16 คน แต่เป็นส.ส. 11 คน ซึ่งทั้งหมดจะต้องพ้นสภาพเพราะศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นระยะเวลา 10 ปี
นั่นจึงทำให้ ส.ส.ของอนาคตใหม่ในขณะนี้เหลืออยู่ 65 คน ที่ยังคงเคว้งไร้หลักพักพิง
กระนั้นก็ตาม ตามกฎหมายแล้วส.ส.ที่ไร้พรรคสังกัด จะต้องหาพรรคการเมืองสังกัดให้ได้ในกรอบระยะเวลา 60 วัน ซึ่งเท่ากับว่า 65 ส.ส.ของอนาคตใหม่จะต้องมีพรรคสังกัดให้ได้ในวันที่ 11 เมษายน 2563
รายชื่อ 16 กรรมการบริหารพรรคการเมืองที่จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองทุกอย่างเป็นเวลา 10 ปี ประกอบไปด้วย
- ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (พ้นสภาพส.ส.)
- ปิยบุตร แสงกนกกุล
- กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ
- ชำนาญ จันทร์เรือง
- พล.ท.พงศกร รอดชมภู
- รณวิต หล่อเลิศสุนทร (ไม่ได้เป็นส.ส.)
- พรรณิการ์ วานิช
- ไกลก้อง ไวทยการ
- นิติพัฒน์ แต้มไพโรจน์ (ไม่ได้เป็นส.ส.)
- สุนทร บุญยอด (ไม่ได้เป็นส.ส.)
- เยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์
- สุรชัย ศรีสารคาม
- เจนวิทย์ ไกรสินธุ์
- ชัน ภักดีศรี (ไม่ได้เป็นส.ส.)
- จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ
- นิรามาน สุไลมาน