พ่อเฒ่าวัย 80 ปี สุดช้ำ! ถูกลูกในไส้ 6 คน ไล่ออกจากบ้าน หลังแบ่งที่ดินมรดกให้
ตาวัย 80 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ ร้องศูนย์ดำรงธรรมช่วยเหลือ หลังแบ่งที่ทำกินให้ลูกๆ คนละ 2 ไร่เศษ แต่กลับถูกไล่ออกจากบ้าน ต้องไปสร้างกระต๊อบเล็กๆ ซุกหัวนอน ล่าสุด ยังถูกตัดน้ำตัดไฟ จนต้องไปขออาศัยกับเพื่อนบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (26 ก.พ.) นายเที่ยง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 80 ปี ชาวตำบลสะแกซำ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้เข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดให้ช่วยเหลือ โดยนายเที่ยง ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อปี 2557 หลังจากภรรยาได้เสียชีวิตลง ก็เกิดปัญหาภายในครอบครัวเรื่องที่ดินมรดก
เนื่องจากมีที่ดินมรดกซึ่งเป็นชื่อของภรรยาอยู่ 2 แปลง แปลงหนึ่งมีเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดที่ดินจำนวน 9 ไร่ อีกแปลงเป็น สค.1 เนื้อที่ประมาณ 11 ไร่ โดยแปลงที่เป็นโฉนด ลูก 3 คน จากจำนวนลูกทั้งหมด 6 คน ได้ไปเดินเรื่องทำพินัยกรรมเพื่อแบ่งที่มรดกดังกล่าว ส่วนแปลงที่เป็น สค.1 เมื่อเดือน ก.ย.2562 ที่ผ่านมา นายเที่ยงได้ให้เจ้าหน้าที่ไปทำการรังวัดเพื่อแบ่งให้ลูกๆ ได้ทำมาหากิน โดยแบ่งเป็น 5 ส่วน เฉลี่ยคนละ 2 ไร่เศษ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นของพ่อที่เก็บไว้ทำกินเอง 2 ไร่เศษ โดยพื้นที่ในส่วนของพ่อก็ได้ปลูกต้นไม้ ทำนา และขุดสระเลี้ยงปลา
แต่พอลูกๆ ได้ที่ดินแล้วก็ไล่พ่อออกจากบ้านที่เคยอาศัยอยู่กับแม่ตอนยังมีชีวิต ทั้งที่บ้านหลังดังกล่าวพ่อยังมีชื่อเป็นเจ้าบ้านและเจ้าของบ้านอยู่ จากนั้นผู้เป็นพ่อจึงได้ไปสร้างกระต๊อบเล็กๆ ในที่สาธารณะเป็นที่ซุกหัวนอนอยู่ตัวคนเดียว โดยขอต่อน้ำต่อไฟมาจากบ้านลูก
ล่าสุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายเที่ยงจะไปสูบน้ำออกเพื่อจับปลาในสระของตัวเองไปขาย แต่กลับถูกลูกต่อว่าและห้ามไม่ให้สูบ โดยลูกอ้างว่าพ่อไม่มีสิทธิ์เพราะสระและที่ดินดังกล่าวเป็นของลูก จนเกิดการโต้เถียงกันรุนแรง ถึงขั้นต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปช่วยเจรจาไกล่เกลี่ย
แต่ลูกเกิดไม่พอใจจึงได้ตัดน้ำตัดไฟออกจากกระต๊อบที่พ่อปลูกอาศัยอยู่ปัจจุบัน ทำให้ได้รับความเดือดร้อนจึงเข้ามาร้องศูนย์ดำรงธรรมให้ช่วยเหลือ และช่วงที่ถูกตัดน้ำตัดไฟต้องไปขออาศัยอยู่กับเพื่อนบ้าน
คุณตาเที่ยง บอกว่า รู้สึกเสียใจมากที่ลูกในไส้ทำกับพ่อบังเกิดเกล้าแบบนี้ ทั้งที่แบ่งที่ดินให้ทำมาหากินแล้วก็ยังมาไล่ออกจากบ้าน แถมไม่เคยเหลียวแล หนำซ้ำยังมาตัดน้ำตัดไฟอีก ตอนนี้เดือดร้อนมากจึงได้มาร้องศูนย์ดำรงธรรมให้ช่วยเหลือด้วย
เบื้องต้น ทางศูนย์ดำรงธรรมก็จะได้เรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาทำการพูดคุยไกล่เกลี่ย และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามขั้นตอน