มือปราบหูดำชี้ครอบครัว "บรรยิน" ขนพยานมาทั้งงานศพก็รอดยาก คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา
มือปราบหูดำชี้ครอบครัว "บรรยิน" ขนพยานมาทั้งงานศพ ก็รอดยาก เชื่อต้องโทษหนัก-ประหารแน่ ทนายดังซัด บ้าและโง่ อุ้มฆ่าพี่ผู้พิพากษา
รายการ "เรื่องลับมาก (NO CENSOR)" ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.55 - 14.50 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (26 ก.พ.) "ดร.เสรี วงษ์มณฑา" ได้เปิดใจสัมภาษณ์ "พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ" อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ฉายามือปราบหูดำ และ "ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร" คืบหน้ากรณี "พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์" อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ อุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา ต่อรองคดีโอนหุ้น 300 ล้าน
คิดว่าจะมีโอกาสพบศพพี่ชายผู้พิพากษามั้ย?
พล.ต.ต.วิชัย : "ถ้าเจอกระดูกพี่ชายผู้พิพากษา ก็ถือว่าเป็นศพอยู่แล้ว เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของศพ แต่เราก็ต้องเอามาตรวจพิสูจน์ว่าดีเอ็นเอกระดูกนั้นเป็นของพี่ชายผู้พิพากษาหรือเปล่า"
โอกาสปิดคดีนี้?
พล.ต.ต.วิชัย : "ร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว ก่อนศาลออกหมายจับ ตร.ต้องมีหลักฐานไปขอศาลออกหมายจับ ผมว่าอย่างน้อยต้องมี 70 เปอร์เซ็นต์ที่จะมีหลักฐานพอสมควร หลังจากนั้นก็มีหลักฐานเพิ่มเติมอีก เช่นพบกระดูก พบโทรศัพท์และจุดที่ผู้ต้องหารับสารภาพ มันตรงกันกับสิ่งที่เขารับสารภาพ หรือจุดที่ฆ่า เผลอๆ มันยืนอยู่ตรงนั้นด้วย มันมีหลักฐานก็น่าเชื่อถือหมด และมีมูลเหตุไง ถามว่ากลุ่มชายที่ไปอุ้มมีมูลเหตุอะไรกับผู้พิพากษามั้ย ไม่มี มีมูลเหตุกับพี่ชายมั้ย ไม่มี แต่กลุ่มนี้เป็นลูกน้องบรรยิน ซึ่งมีเรื่องกับผู้พิพากษา และพี่ชายผู้พิพากษา มันน่าเชื่อถือมั้ยล่ะ ก็น่าเชื่อถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง"
ถามทนาย การที่ไม่เจอศพ แต่เจอกระดูก ในแง่คดี ดำเนินต่อได้มั้ย?
ทนายรณณรงค์ : "จากที่เราทำงานมา เราอยู่ฝ่ายผู้เสียหายที่เป็นคดีฆาตกรรมอำพราง คดีนี้มีความแตกต่างกัน แต่สังเกตอย่างนึง ทำไมตำรวจต้องนำกำลังไปตรวจค้นชิ้นส่วนมนุษย์ให้ได้ ตอนนี้ก็ยังหาอยู่ ปรากฎว่าชิ้นส่วนที่ได้มาคือชิ้นส่วนที่เผาไฟแล้ว ผมก็อยากถามผู้เชี่ยวชาญนิติเวชว่าชิ้นส่วนที่เจอมาไม่กี่ชิ้น มันจะตรวจดีเอ็นเอได้จริงมั้ยเขาบอกว่ามีโอกาสตรวจเจอ แต่น้อยมากๆ เพราะไฟเผาไปหมดแล้ว และเอาไปทิ้งในน้ำ จริงๆ กระดูกมนุษย์ไม่ได้อยู่ได้นานที่จะตรวจดีเอ็นเอ เพราะงั้นอย่าแปลกใจที่ทำไมคดีบิลลี่อัยการสั่งไม่ฟ้อง อันนั้นก็เจอกระดูกนะ อันนี้ก็เจอ แต่กระดูกตัวนี้จะพิสูจน์ได้มั้ยว่าเป็นของใคร ถ้าพิสูจน์ได้ก็ต้องดูต่ออีกว่ากระดูกที่เจอ เป็นชิ้นส่วนๆ ไหนและเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ทำให้ถึงแก่ความตายมั้ย"
ผู้ต้องหาในฐานะที่เป็นตร. วางแผนมาดี จนทางกฎหมายจัดการเขาไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?
ทนายรณณรงค์ : "ถือว่าเป็นมืออาชีพระดับหนึ่ง วิธีการเอาตัวไป พอตัวผู้เสียหายเสียชีวิตก็มีการอำพรางศพ การอำพรางที่ว่าคือการเผานั่งยาง พอกระดูกไหม้ก็รู้ว่าถ้าตัวเองยังเอาซากไว้ตรงนี้เดี๋ยวตำรวจต้องมาตามและเจอ ก็เอาไปโยนน้ำ เพราะกระแสน้ำจะพัดไปเรื่อยๆ ผมเคยไปลงพื้นที่กับตำรวจนนทบุรี ไปงมหาซากศพ ไม่ได้งมง่ายนะครับ เมื่อวานกระแสน้ำพื้นที่ที่เขาว่าเอาไปทิ้งแรงด้วย นักประดาน้ำเองลงได้แค่พื้นที่จำกัด แล้วทิ้งไปหลายวันแล้ว มันมีโอกาสที่กระดูกไปปักอยู่ในโคลนไปแล้วก็ได้ มีโอกาสน้อยมาก เว้นแต่ว่าโชคดีเจอชิ้นส่วนที่เป็นส่วนสำคัญ เช่น แขนหรือขา ที่เป็นกระดูกใหญ่ๆ ถ้าเจอชิ้นนั้นมา ผมเชื่อว่าจะตรวจได้ว่าเป็นของใคร และจะปิดช่องว่างคดีนี้ได้ ไม่งั้นทำไมทางคุณบรรยินถึงไม่รับสารภาพ เพราะเขามั่นใจว่าเขาสู้ประเด็นนี้ได้ และเขามั่นใจว่าถ้าไม่เป็นคดีความผิดต่อชีวิต อัตราโทษเขาจะน้อยกว่า"
กรณีเจอกระดูก คุณบรรยินวางแผนเก่งหรือเปล่า?
พล.ต.ต.วิชัย : "ถามว่าบรรยินฉลาดมั้ย ถ้าบรรยินร่วมนะ ผมพูดในแนวตำรวจ ผมว่าบรรยินโง่ เพราะถ้าฉลาดไม่ทำแบบนี้ นี่คือโง่"
เหลือคุณบรรยินไม่สารภาพ ตอนนี้คุณบรรยินอยู่อิสระหรืออยู่ในคุก?
ทนายรณณรงค์ : "จริงๆ ตอนนี้ถูกควบคุมตัวตามหมายจับ และต้องไปขออำนาจศาลฝากขัง เป็นขั้นตอนปกติ ไม่ได้พิเศษกว่าชาวบ้าน เพียงแต่ว่าระหว่างกองปราบควบคุมตัวก็มีสิทธิ์สอบปากคำว่ามีวงจรปิด เห็นคุณเอาตัวไป คุณเอาไปไหน ถ้าให้การเชื่อมโยงได้ สมมติถ้าจะสู้คดี ต้องบอกว่าปล่อยตัวพี่ชายผู้พิพากษาที่ไหน เพื่อให้ไปสืบต่อเอาเองว่าไม่ได้ฆ่า แต่ถ้าไม่รู้ไม่เห็นเลยเนี่ย กล้องวงจรปิดมันชัดว่ามาด้วยกัน ถ้าย้อนไปคดีหมอผัสพร ที่เจอภาพวงจรปิด ตอนออกไปจากร้านอาหารด้วยกัน กับผู้ต้องหาที่เอาชำแหละศพ ต่อมาพบชิ้นส่วนมนุษย์ และพิสูจน์เชื่อมโยงกับคดีนี้ได้ แม้ไม่มีประจักษ์พยานก็ตาม คดีนี้ก็เหมือนกัน"
ทำไมไม่ให้บรรยินประกันตัว?
ทนายรณณรงค์ : "คุณบรรยินต้องยอมรับว่าเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีอิทธิพลแน่นอนในพื้นที่ ถ้าออกมาไม่รู้เลยว่าจะไปข่มขู่พยานหรือเปล่า อย่าลืมนะว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ อุ้มญาติผู้พิพากษาหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่มีหลักประกันเลยว่าถ้าออกมาแล้วจะไปคุกคามพยานยังไงบ้าง และพยานที่รับสารภาพไปก่อนหน้านี้ ให้การว่าเอาไปตัวฆ่าไปซ้อมไปเผาจะมีชีวิตรอดปลอดภัยมั้ย อย่าลืมนะครับว่ากว่าจะขึ้นศาลก็ใช้เวลานาน"
ห้าคนรับ หนึ่งคนปฏิเสธ ในเชิงคดีจะเป็นยังไง?
ทนายรณณรงค์ : "เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะต้องหาหลักฐานอย่างอื่นมาประกอบ โดยอาศัยสำนวนจากที่เขารับสารภาพว่าเอาไปทิ้งที่ไหนบ้าง แต่ผมบอกอย่างหนึ่งในคดีอำพรางศพ ถ้าเมื่อไหร่ที่ผู้ต้องหาในส่วนร่วมกระทำความผิดแล้วรับสารภาพ พาไปชี้จุดแล้วมันเจอ โอกาสน้อยมากเลยที่ศาลจะไม่เชื่อว่าคุณเป็นผู้กระทำความผิด"
ทำไมคุณบรรยินไม่ยอมสารภาพ?
พล.ต.ต.วิชัย : "คดีทุกคดี ผู้ต้องหาสามารถให้การอย่างไรก็ได้ จนกระทั่งพนักงานสอบสวนยันศาล จะให้การยังไงก็ได้ ส่วนมากผู้ต้องหาไม่จนด้วยหลักฐานก็ปฏิเสธไว้ก่อน แต่ในเวลาต่อไป ตร.ต้องหาหลักฐาน หาความเชื่อมโยง หาความเกี่ยวข้อง เวลาถึงศาลแล้วเวลาคุณจะปฏิเสธยังไง ศาลก็ลงได้ หลักฐานก็เจอหมดอย่างนี้ ศาลก็ต้องเชื่อว่าเป็นบรรยิน ถึงบรรยินจะปฏิเสธ"
ทนายรณณรงค์ : "ผมว่าที่คุณบรรยินไม่รับสารภาพเขาต้องการขอศาลประกันตัว เพราะคดีอุกฉกรรจ์ถ้ารับสารภาพชั้นสอบสวน ศาลไม่ให้ประกันอยู่แล้ว ผมคิดว่าเขาต้องการขอยื่นประกันในศาลชั้นต้นและไปขอศาลอุทธรณ์ต่อ เพื่อรอลุ้นจะได้ประกันตัวหรือไม่ ถ้าเกิดเขารับสารภาพชั้นตำรวจ เขาไม่ได้รับการประกันตัวเลยนะครับ เพราะคุณเป็นผู้กระทำความผิดแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ศาลไม่ให้ประกัน นี่อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งก็ได้"
การที่เมียบอกว่าผัวไม่ผิด ลูกบอกว่าพ่อไม่ผิด เขาจะมาขึ้นเป็นพยานมั้ย?
ทนายรณณรงค์ : "ผมว่าเขาคงขึ้นเป็นพยานแหละ แต่คงเป็นพยานที่มีน้ำหนักน้อย คดีอื่นๆ ถ้าอ้างญาติเป็นพยานในถิ่นที่อยู่ ส่วนใหญ่ศาลไม่เชื่อ แต่เมื่อวานเขาออกมาพูดว่าจะระดมชาวบ้านที่อยู่ในงานศพมาเป็นพยานว่าอยู่ตรงนั้นจริงๆ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ผมเชื่อว่าศาลก็รับฟังอยู่"
พยานวัตถุ กับพยานบุคคล ศาลให้น้ำหนักอะไรมากกว่ากัน?
ทนายรณณรงค์ : "พยานวัตถุอยู่แล้วครับ เพราะโกหกไม่ได้ ถ้าไปเจอคราบเลือด เส้นขนมนุษย์ที่ในรถ ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าอย่างน้อยๆ เขาเคยขึ้นรถคันนี้มาก่อน"
ที่โทรศัพท์จะมีดีเอ็นเออยู่มั้ย?
พล.ต.ต.วิชัย : "มีครับ คือโทรศัพท์สามารถพิสูจน์ได้ ถ้าเป็นโทรศัพท์พี่ชายผู้พิพากษา มันมาตกอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ก็แสดงว่าพี่ชายถูกอุ้มมาจริงๆ เพราะไม่ได้แจ้งหายที่ไหน สองโทรศัพท์มีหมายเลขอยู่แล้ว หมายเลขนี้ก็ลบไม่ได้อยู่แล้ว สามถ้าโทรศัพท์นี้มีการจับ ลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอก็ปรากฏ ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าโทรศัพท์นี้ใครเอาไปใช้ยังไง ไม่ต้องกลัวหรอกขนคนเอาพยานเท็จหรือเอาพยานมาบอกว่ารู้เห็นว่าอยู่ที่ไหน ศาลเชื่อหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากกว่า ว่าวันนั้นคุณใช้โทรศัพท์และอยู่ที่ไหน"
ถ้าคุณบรรยินจะรอดได้ต้องเอาหลักฐานอะไรมา?
ทนายรณณรงค์ : "สมัยนี้คดีสำคัญ อย่างคดีนี้ผมเชื่อว่าไม่เกินสัปดาห์สองสัปดาห์ อัยการอาจสืบพยานล่วงหน้า สืบพยานขึ้นศาลเลย โดยไม่ต้องรอให้อัยการสั่งฟ้องก่อน กลัวพยานกลับคำให้การ หรือหายสาบสูญไป มีคดีนึงที่ทำคดีฟอสสปาย ที่เขาชีจรรย์ ผบ.ตร. ลงมาเอง สำนวนคดีหลายลังมาก ละเอียดมาก คดีที่ผบ.ตร. ลงมาเองจะมีความละเอียดรอบคอบค่อนข้างเยอะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จำเลยมีสิทธิ์สู้ทุกประเด็น อย่างคดีนี้จำเลยสู้เรื่องถิ่นที่อยู่ อย่างวันนั้นที่ไปอุ้มที่หน้าศาล เขาบอกว่าเขาเป็นประธานงานศพอยู่ที่ จ.นครสวรรค์ นครสวรรค์กับกรุงเทพฯ ช่วงตอนเย็นรถติดมาก 2 ชม.มานี่ยากมาก ถ้ามีชาวบ้านเห็นเขาเป็นประธานงานศพอยู่ แม้ว่าสัญญาณมือถือจะไปกับรถคันนั้นก็ตาม ก็อาจอ้างได้ว่าคนอื่่นเอาไปก็ได้ เมื่อตัวบุคคลยืนยันว่าเห็นอยู่ที่นั่นจริงๆ ก็ต้องฟัง"
ถ้าเขาอ้างได้ว่าวันเวลานี้อยู่งานศพ รอดมั้ย?
พล.ต.ต.วิชัย : "ก็ไม่รอด ต้องเข้าใจว่าการสั่งการ ไม่จำเป็นต้องไปสั่งการที่ตรงนั้นก็ได้ สั่งการตรงไหนก็ได้ สั่งการทางโทรศัพท์ก็ได้ วางแผนก่อนให้ทีมนี้ไปทำก็ได้ เพียงแต่ทำยังไงให้หลักฐานเชื่อมโยงกันได้ สมมติว่าคุณโทรไปสั่งการ แล้วโทรศัพท์คนร้ายมีโทรศัพท์บรรยินไป ศาลต้องเชื่อแล้วว่ามีการสั่งการ ผู้ต้องหาที่ถูกจับรับสารภาพว่ามีการสั่งการ แล้วคุณจะรอดได้ไง มันก็รอดยาก ศาลเชื่อผู้ต้องหา เชื่อหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่ามีการสั่งการเชื่อมโยงจริงๆ และสมมติบอกผมคุยธรรมดา คุณคุยธรรมดา แต่รายงานถี่ๆ คุยอะไรกันนักหนา ไอ้นี่โทรกลับ ไอ้นี่โทรไปตลอดเวลา ศาลก็ต้องเชื่อ ถึงคุณไม่อยู่ตรงนั้น หลายคดีก็เสร็จหมด"
การที่เรื่องราวออกไปว่ามีการข่มขู่ผู้พิพากษา และอุ้มพี่ชายผู้พิพากษา ถ้าข่มขู่สำเร็จ จะเกิดอะไรขึ้น?
พล.ต.ต. วิชัย : "การข่มขู่ผู้พิพากษา ผมคิดว่าไม่ได้ผล เพราะผู้พิพากษาท่านมีจรรยาบรรณ มีกรอบของการดำเนินคดี ดำเนินการ มีการวางเนื้อวางตัว ผู้พิพากษาเป็นด่านสำคัญสุดท้ายของคดี เขาไม่กลัวหรอก โดยมากถ้าคนร้ายจะขู่ จะขู่พยานมากกว่าไม่ให้พยานเปิดเผย ไปให้การ ถ้าไม่ไปให้การ หายไป ก็ทำให้คดีเสียหาย ผู้พิพากษาก็สามารถตัดสินให้ยกได้ เพราะไม่มีพยาน สมัยก่อนเขาฆ่าพยาน เก็บพยาน อุ้มพยานให้หายไป ทำให้รูปคดีเสีย ผู้พิพากษาก็ต้องตัดสินตามนั้น ไม่มีคดีไหนมาขู่ผู้พิพากษา คดีนี้เป็นคดีที่ร้ายแรงนะ ไม่เคยเกิดมาก่อนในการขู่ผู้พิพากษา กระทั่งฆ่าคนเกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา ผมว่ารุนแรงมาก"
ทำไมเขาถึงกล้า?
ทนายรณณรงค์ : "ก็มันบ้าและโง่มากด้วย ถ้าไม่โง่ทำขนาดนั้นไม่ได้หรอก บ้าหรือเปล่าไปเอามาจากหน้าศาล มันจะอิทธิพลเกินไปแล้ว"
คิดว่าคดีนี้จะจบยังไง?
พล.ต.ต.วิชัย : "ผมมองว่าประหารชีวิต เพราะเป็นโทษที่รุนแรง มีการเตรียมการ ข่มขืนใจ มีการจับเรียกค่าไถ่เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย โทษพวกนี้ถึงประหารชีวิตทั้งนั้น ผมว่ารอดยาก มีโทษถึงประหารชีวิต ที่สำคัญที่สุดคดีนี้เป็นคดีตัวอย่างถ้าการตัดสินมีหลักฐานต้องตัดสินให้เข้มข้น ผมว่าไม่รอด ต้องลงโทษให้รุนแรง"
ทนายรณณรงค์ : "ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นศพพี่ชายผู้พิพากษาจริง ข้อหาที่ฟ้องไปคือฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน อัตราโทษคือประหารสถานเดียว กับอีกข้อหาคือข้อหาเรียกค่าไถ่ตามมาตรา 313 ถ้าทำให้ผู้ถูกเรียกค่าไถ่ถึงแก่ความตาย ก็ประหารสถานเดียวเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถึงเป็นการประหารสองกระทงเลย นอกจากนี้พฤติการณ์ที่ทำลงไปยังเป็นการข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด พฤติการณ์มันโหดเหี้ยมและเป็นอันตรายต่อกระบวนการยุติธรรม ผมเชื่อว่าไม่มีเหตุลดโทษแล้วยิ่งวันนี้ก็ปฏิเสธชั้นสอบสวนเพิ่มภาระงานให้ตร.อีก เดี๋ยวก็เป็นประเด็นในศาลอีกว่าคุณให้ถ้อยคำเป็นประโยชน์ในการพิจารณาคดีหรือไม่ ถ้าไม่เป็นประโยชน์เลย ศาลก็ต้องลงประหารสถานเดียว ก็ต้องดูว่าในชั้นศาลกลับคำให้การมั้ย"
พล.ต.ต.วิชัย : "แล้วประหารเพราะอะไร ถ้าเกิดคุณบรรยินเกี่ยวข้อง คุณเป็นบุคคลซึ่งเป็นรัฐมนตรีนะ รู้สึกผิดชอบชั่วดี บวกกับคุณเคยเป็นตำรวจ ผู้รักษากฎหมายแล้วมาทำเสียเอง พวกนี้ไม่มีเหตุให้ลดโทษเลย"
เขาอุทธรณ์ได้มั้ย?
ทนายรณณรงค์ : "เขาอุทธรณ์อยู่แล้ว รอดูได้เลย แค่ประกันตัว เขาก็อุทธรณ์แน่นอน เพื่อขอสิทธิ์ในการประกันตัว"