ตร.เตรียมเรียกเสธ.ด.สอบพันคดียิงสนธิ

คมชัดลึก :ตำรวจเตรียมเรียก เสธ.ด. ให้ปากคำคดีสังหาร "สนธิ ลิ้มทองกุล" ย้ำสัปดาห์หน้าออกหมายจับอีกเกือบ 10 ราย ทั้ง จนท.-พลเรือน ได้เบาะแส "จ.ส.อ.ปัญญา" แล้ว ส่งชุดไล่ล่าประกบ พล.อ.สนธิยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง "พธม." แฉ "ไอ้โม่ง" วางแผน 3 ขั้น ทำลายพยานหลักฐาน เตือน 2 ผู้ต้องหารีบออกมามอบตัวก่อนถูกตัดตอน

ความคืบหน้ากรณีคนร้ายลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ฝ่ายสอบสวน กล่าวว่า ช่วงวันหยุดราชการยังไม่มีความคืบหน้าด้านเอกสารหรือคำสั่งในระบบราชการมาก นัก และยังไม่มีคำสั่งออกหมายใดๆ เพิ่มเติม แต่ความคืบหน้าอื่นๆ ก็ยังดำเนินต่อไป โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนมีเบาะแสของคนร้ายที่ถูกออกหมายจับไป ก่อนหน้านี้คือ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ แต่ไม่สามารถเปิดเผยแหล่งที่กบดานได้ เกรงว่าผู้ต้องหาจะไหวตัวทัน อีกทั้งยังต้องตรวจสอบให้ดีอีกครั้ง พร้อมทั้งจะส่งชุดแกะรอยไล่ล่าอย่างต่อเนื่อง

พล.ต.ต.สุเมธกล่าวอีกว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะมีความคืบหน้าที่ชัดเจนขึ้นมากกว่านี้ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งหาพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาเป็นทีมสังหาร เพิ่มอีกหลายคน แต่ไม่ถึง 10 คน มีทั้งเจ้าหน้าที่และพลเรือน โดยจะพยายามเร่งรัดออกหมายจับให้ได้ภายในสัปดาห์หน้า

พล.ต.ต.สุเมธ ยังกล่าวว่า นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมเรียกพ.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ หรือเสธ.ด. นายทหาร ที่เป็นผู้ยืมรถของ น.ส.รัศมี เมฆชัย ที่ตำรวจยึดมาได้มาให้ปากคำ ส่วนจะให้การปฏิเสธอย่างไรก็ต้องดูกันวันสอบสวนประกอบกับพยานหลักฐาน ตอนนี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าพ.อ.สุนัย มีส่วนเกี่ยวข้องกับทีมสังหารนายสนธิหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงาน พ.อ.สุนัย เป็นนักเรียนเตรียมทหารทหารรุ่นที่ 21 จบหลักสูตรรบพิเศษจากศูนย์สงครามพิเศษ เคยสังกัดกองพันจู่โจม (พัน จจ.)ค่ายเอราวัณ ต.เขาสามยอด อ.เมือง จ.ลพบุรี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำรองเสนาธิการกอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า เนื่องจากมีนิสัยที่สุภาพ และเงียบขรึมจึงมักถูกนายทหารชั้นผู้ใหญ่เรียกมาใช้งานด้านการปฏิบัติการทาง ลับเสมอ

พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวต่อว่า จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา และส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับไปแล้วขณะนี้ยังไม่มีใครติดต่อขอมอบตัวแต่อย่างใด ส่วนข่าวลือว่าผู้ต้องหาจะถูกฆ่าตัดตอนเพื่อไม่ให้สาวถึงตัวผู้บงการนั้นก็ ยังเป็นแค่ข่าวลือ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ส่วนที่เจ้าหน้าที่ไปค้นโรงงาน บริษัท กฤษณาฟ้าสยาม จำกัด ของพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ซึ่งมีลูกสะใภ้ของพล.อ.เชษฐา เป็นกรรมการบริษัท เพราะเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า จ.ส.อ.ปัญญาเคยทำงานที่นั่น และเคยเป็นลูกน้องของ พล.อ.เชษฐา แต่จากการตรวจสอบแล้วพบว่าพล.อ.เชษฐา กับลูกสะใภ้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี และไม่จำเป็นต้องเรียกมาให้ปากคำแต่อย่างใด

 

พล.อ.สนธิยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ร่วมงานเสวนา คิดเพื่ออนาคต ถอดโจทย์ประเทศไทย เนื่องในโอกาส 32 ปี อสมท โดย พล.อ.สนธิ ได้กล่าวในเวทีเสวนาตอนหนึ่ง ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีลอบยิงนายสนธิ ส่วนที่มีการพาดพิงถึงทหารว่าเป็นผู้ต้องสงสัยนั้น เป็นเพียงการเข้าใจผิด และผู้ที่เกี่ยวข้องก็ได้โทรศัพท์เข้ามาขอโทษแล้ว

ด้านแหล่งข่าวนายทหารจากกองทัพบกเปิดเผยว่า ตอนนี้ตำรวจยังไม่ได้ทำหนังสือ จ.ส.อ.ปัญญา มายังกองทัพบก อีกทั้งยังไม่ทราบว่าขณะนี้ จ.ส.อ.ปัญญา หลบซ่อนตัวอยู่ที่ใด

"ตอนนี้การให้ข่าวของตำรวจที่ออกมาระบุว่าคนนั้นคนนี้อยู่เบื้องหลัง ทำให้สังคมมองภาพทหารอย่างหวาดระแวง ดังนั้นหากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังก็จะต้องออกมาเปิดเผยให้แน่ชัด อย่ามากั๊กๆ แบบนี้ ตอนนี้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าผู้ใหญ่ในกองทัพเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการลอบ ยิงนายสนธิ มันดูจะเป็นการลงโทษโดยที่ยังไม่ได้มีการไต่สวนมูลความจริง เพราะหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนออกมาก็ยังไม่ได้มีความแน่ชัด เพียงแต่มีการวิเคราะห์และเดากันเอาเอง พยายามเชื่อมโยงคนนั้นคนนี้เข้ามาเป็นตัวตุ๊กตา" แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวนายทหารรายนี้กล่าวต่อว่า ตอนนี้ไม่เพียงเฉพาะ พล.อ.เชษฐาเท่านั้นที่ตกเป็นจำเลยของสังคม แต่ยังมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมไปถึง พล.ท.ภุชงค์ รัตนวรรณ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ จ.ส.อ.ปัญญา ก็โดนห่างเลขกันด้วย

 

พธม. แฉ"ไอ้โม่ง"วางแผน3ขั้นทำลายพยานหลักฐาน

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ขณะนี้มีการตัดตอนและทำลายหลักฐานอยู่ 3 ขั้นตอนคือ 1.ทำลายหลักฐานทั้งรถและอุปกรณ์ต่างๆ 2.ปลอมเอกสารขึ้นมาเพื่อสร้างให้เชื่อว่าบุคคลที่ปฏิบัติการนั้นไม่อยู่ใน ที่เกิดเหตุ และ 3.ผู้เกี่ยวข้องระดับใหญ่ยังสร้างความเชื่อกับผู้ที่ลงมือปฏิบัติการว่า สามารถจะคุ้มครองได้ แต่ความจริงไม่เป็นอย่างนั้นเพราะเชื่อว่าหลักฐานที่อยู่ในมือ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. นั้นมีหนาแน่นเกินกว่าที่จะคาดฝัน สุดท้ายจะไม่มีใครที่คุ้มครองใครได้

"ปฏิบัติการครั้งนี้ไม่สามารถทำได้โดยนายทหารระดับพันเอกเท่านั้น ดังนั้นขอเตือนผู้ที่ถูกออกหมายจับ 2 คนตอนนี้ว่ายิ่งหลบหนีนาน ยิ่งมีความเสี่ยงสูง เพราะเมื่อหลักฐานเริ่มออกมามากกว่านี้และพบความเชื่อมโยงบุคคลระดับสูงกว่า นี้ ท่านจะยิ่งอันตรายมากยิ่งขึ้นและขอให้จับตาดูผู้ที่จะถูกออกหมายเรียกชุดต่อ ไปเพราะจะเชื่อมโยงใกล้ถึงตัวบงการมากขึ้น" นายปานเทพ กล่าว

นายปานเทพกล่าวว่า การลอบสังหารนายสนธินั้น มาจากแผนการต้องการรัฐประหารของคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องการให้เกิดจุดเปลี่ยนทาง การเมือง แล้วเข้ามามีอำนาจ ก่อนหน้านั้นพยายามจัดฉากให้เกิดเหตุอันตรายต่อตัวนายกรัฐมนตรี ทั้งที่พัทยาและกระทรวงมหาดไทย เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่าทั้งสองเหตุการณ์นั้นเกิดจากการเปิดทางของทหารและ ตำรวจ แต่ไม่สำเร็จจึงหันมายิงนายสนธิ โดยลึกๆ ต้องการที่จะล้างความผิดในคดี 7 ตุลาคม แต่เมื่อสังหารนายสนธิไม่ สำเร็จ ตนจึงมีความเป็นห่วงว่าคนกลุ่มนี้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวนายกฯ จะสร้างสถานการณ์เพื่อยึดอำนาจ เพื่อที่จะล้างคดีทุกอย่างของตัวเอง เพราะคดีของนายสนธินั้น หากมีการสาวถึงตัวผู้บงการจริงจะถือว่าอันตรายกว่าคดี 7 ตุลาคม หลายเท่า

"ขณะนี้สถานะของนายกฯ จึงล่อแหลมและสุ่มเสี่ยงต่อการถูกยึดอำนาจเป็นอย่างยิ่ง ก้าวพลาดแม้เพียงนิดเดียวอาจจะถูกสอยลงมาได้ ดังนั้นขอให้จับตาดูสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้หากมีความวุ่นวายเกิดขึ้น ก็เป็นไปได้ที่จะเป็นแผนการสร้างสถานการณ์ของคนกลุ่มนั้น ซึ่งตนได้ทราบข่าวว่ารวมกลุ่มคุยกันทุกวันเพื่อหาทางรับมือและต่อสู้กับคดี ยิงนายสนธิทุกทาง" นายปานเทพ กล่าว

นายปานเทพกล่าวว่า สำหรับระยะเวลา 2 เดือนที่เหลืออยู่ของพล.ต.อ.ธานี นั้น ตนยังเชื่อมั่นว่าจะปิดคดีได้ ซึ่งจุดเปลี่ยนของคดีนี้จะอยู่ที่การชี้มูลของป.ป.ช.ในคดี 7 ตุลาคม ในปลายเดือนนี้เพราะจะทำให้นายตำรวจหลายนายที่เป็นปฏิปักษ์ต่อคดีนี้ หลุดจากวงจรอำนาจรวมทั้งพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ด้วย